‘ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ’ แถลงเคลียร์ปมโกงเงินบิตคอยน์ ยัน เป็นผู้เสียหาย
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เปิดใจครั้งแรกหลังถูกออกหมายเรียกในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงในคดีบิทคอยน์ ยืนยันความบริสุทธิ์ และตนเองเป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกัน ส่วนหุ้นได้โอนกลับให้ผู้เสียหายแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา พร้อมเข้าชี้แจงตำรวจกองปราบ
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์บริษัทหนึ่ง เปิดใจครั้งแรกหลังถูกออกหมายเรียกในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงในคดีบิทคอยน์ โดยอธิบายว่า ตนเองรู้จักกับนายปริญญา จารวิจิต ผู้ต้องหาในคดีบิทคอยน์ ผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังได้ไปอบรมความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ Blockchain ที่ประเทศสิงคโปร์ โดนทักตนมาผ่านทางเฟซบุ๊ก และแนะนำให้รู้จักกับนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบิทคอยน์ Blockchain จึงได้มีการรัดพบพูดคุยกัน จึงพบกับนางสาวชนนิกานต์ แก้วกาสี หรือ แตงโม แฟนสาวของนายเออาร์นี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน
จากนั้นได้ทำความรู้จักกัน และร่วมทำธุรกิจ block chain จนกระทั่งผ่านมาเกือบ 4 เดือน ตนเองและนางสาวชนนิกานต์ เริ่มสงสัย ว่าเพราะเหตุใดนายปริญญาไม่โอนหุ้นให้กับลูกค้าและไม่โอนเงินเข้าบริษัท จึงขอยุติการร่วมงาน และมาพูดคุยปรึกษากันระหว่างตนเอง นายเออาร์นี และแฟนสาว
โดยพบว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรก คือ นายเออาร์นี่ และนางสาวชนนิกานต์ เสียหายบิทคอยน์ เนื่องจากโอนเข้า e-wallet ของนายปริญญา และอีกส่วน เป็นความเสียหายที่เกิดกับตนเอง คือเครดิต เนื่องจาก ลูกค้าที่อยู่ในการดูแลของตน มีการโอนหุ้นให้กับนายปริญญา โดยใช้เครดิตและความน่าเชื่อถือของตนเอง
หลังจากที่เกิดปัญหาขึ้น ไม่ได้ไปแจ้งความ แต่ไปขอความช่วยเหลือจาก ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า ให้เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย ซึ่งผู้กองธรรมมนัสได้ให้นายปริญญา โอนหุ้นมาฝากไว้ที่ผู้กอง จำนวน 400 กว่าล้านหุ้น แต่เป็นหุ้นที่นายปริญญายังชำระไม่ครบ ทำให้หุ้นดังกล่าวถูกล็อกห้ามซื้อห้ามขาย และยังไม่มีการชำระเงิน ต่อมาผู้กองได้พูดคุยในเรื่องธุรกิจ -ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าว ว่านายประสิทธิ์ชักชวนให้นายเออาร์นี ร่วมลงทุนซื้อขายหุ้น DNA มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ยืนยันว่านายเออาร์นี ได้รับหุ้นเรียบร้อยแล้ว แบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 มูลค่า 185 ล้านหุ้น และครั้งที่ 2 วันที่ 17 พฤศจิกายน มูลค่า 160 ล้านหุ้น รวม 345 ล้านหุ้น หรืงประมาณ เกือบ 470 ล้านบาท
สำหรับกรณีที่ว่ามีตำรวจเข้าบุกบ้านนั้น นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ทางตำรวจมาจริง สอบถามถึงกรณีดังกล่าว และพูดคุยตามปกติ โดยตนเองก่อนหน้านี้ได้ชี้แจงตำรวจไปหมดแล้ว และเชื่อมั่นใจพยานหลักฐานที่ตนเองมีอยู่ และพร้อมเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก โดยอาจจะเดินทางไปก่อนการนัดหมาย พร้อมเตรียมเอกสารที่ยืนย่นได้ว่า ตนเองได้โอนหุ้นให้ผูิจสียหายทั้งหมดแล้ว
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับฝ่ายนายเออาร์นี่และนางสาวชนนิกานต์ นั้นขอให้ไปสอบถามทั้งสองเอง
+ อ่านเพิ่มเติม