นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ผอ.สำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมคมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงข่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่ กทม. หลังจากเมื่อวานนี้ สามารถตรวจพบฝุ่นละออง pm 2.5 ได้ เกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศเมตร
โดยช่วง 5 วันที่ผ่านมา ตรวจสัดได้ 50-70 ไมโครกรัมต่อลูกบาศเมตร แต่มีความรุนแรงมากที่สุดเมื่อวานนี้ ซึ่งประชาชนสามารถสังเกตได้จากบรรยากาศจะเป็นสีเทาน้ำตาล ไม่มีแสงแดด แสดงให้เห็นว่า มีฝุ่นละอองปะปนอยู่ในอากาศ แต่โชคดีที่เมื่อวานนี้มีฝนตกลงมา ช่วยชะล้าง ฝุ่นละอองในอากาศ ออกไปได้
ล่าสุดวันนี้ มีแสงแดด ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งการที่อุณหภูมิสูงขึ้นนั้น เป็นการช่วยให้อากาศลอยขึ้น มีอากาศใหม่เข้ามาถ่ายเท ทำให้ฝุ่นละอองเหล่านี้ถูกกำจัดไป
ผอ.สำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กล่าวว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้ จะเกิดขึ้นเป็นปกติในทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อของฤดู จากฤดูหนาวไปสู่ฤดูร้อน ทำให้ชั้นบรรยากาศนิ่ง ประกอบกับกรุงเทพมหานครการจราจรหนาแน่น ทำให้ฝุ่นละอองจากการจราจรสะสม เกิดเป็นสภาวะดังกล่าว
ในปี 2559 ในช่วงเวลาเดียว มีความรุนแรงกว่าปีนี้ แต่เกิดขึ้นเพียงวันเดียว คนเลยไม่ทันสังเกต โดยวัดได้ 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งฝุ่นที่มีขนาดเล็กแบบนี้ มีผลทำให้ประชาชนรู้สึกว่า อึดอัด หายใจไม่ออก บางคนอาจมีอาการป่วย และหากในฝุ่นมีสารพิษปะปนมาด้วย จะยิ่งส่งผลอันตรายต่อระบบทางกายหายใจ โดยแนะนำวิธีป้องกัน หากคนที่ม่ได้อยู่นอกบ้านเป็นเวลานาน ให้ใส่หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา แต่หากใช้ชีวิตอยู่นอกบ้าน ควรใส่หน้ากากชนิด N95 เนื่องจากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีกว่า
สำหรับเหตุการณ์ลักษณะ จะพบได้บ่อยครั้งในภาคเหนือ ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม เหมือนที่เป็นข่าวในทุกๆ ปี และหลังจากนี้ ทางกรมควบคุมมลพิษจะ มีการติดตั้งตัววัดค่าฝุ่นละออง ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อเป็นการวัดค่ามาตรฐานของประเทศ และในอนาคต จะมีการปรับระดับมาตรฐาน และเฝ้าระวังฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม