เผยยอดหนี้ครูเป็นสัดส่วนมากสุดของขรก.ไทย ยังไม่ปิดบัญชีกว่า 4 แสนล้าน สช.หามาตรการช่วยครูเอกชน
logo ข่าวอัพเดท

เผยยอดหนี้ครูเป็นสัดส่วนมากสุดของขรก.ไทย ยังไม่ปิดบัญชีกว่า 4 แสนล้าน สช.หามาตรการช่วยครูเอกชน

ข่าวอัพเดท : นายเอกศักดิ์ คงตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สกสค. เปิดเผยถึงภาระหนี้สินขอ หนี้สิน,ครู

11,471 ครั้ง
|
16 ม.ค. 2561
นายเอกศักดิ์ คงตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สกสค. เปิดเผยถึงภาระหนี้สินของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. ที่มอบสินเชื่อให้กับข้าราชการครูในวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้กู้รวม 390,000 บัญชี ในวงเงินปล่อยกู้ 760,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ยังคงเหลือบัญชีผู้กู้ที่ไม่ปิดบัญชีเป็นจำนวนเงินกว่า 420,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นวิชาชีพที่มีหนี้สินมากที่สุดคิดเป็น 80 % ของข้าราชการไทย
 
ทั้งนี้รองเลขาธิการ สกสค. ยอมรับว่า จำนวนหนี้สินของครูดังกล่าวถือเป็นปัญหาเพราะเป็นภาระของรัฐบาล ซึ่งมาจากปัญหาการปล่อยวงเงินสินเชื่อที่สูงทำให้จูงใจข้าราชการครู แต่เมื่อต้องผ่อนชำระจึงทำให้เกิดปัญหาและการค้างชำระหนี้ ซึ่งล่าสุด สกสค. ร่วมกับธนาคารออมสิน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว รวมถึงการชะลอโครงการเพื่อลดภาระของรัฐบาลด้วย
 
ด้านนายพะโยม ชินวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ระบุว่าครูที่เป็นครูโรงเรียนเอกชนมีกว่า 120,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในโรงเรียนหลากหลายประเภท ทั้งโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนจีน โรงเรียนคาทอลิก โรงเรียนการกุศล โรงเรียนการศึกษาพิเศษ หรือแม้แต่โรงเรียนสามัญทั่วไป ซึ่งแม้รัฐจะให้การอุดหนุนผ่านเงินเดือนส่วนหนึ่ง และมีกองทุนสงเคราะห์เป็นสวัสดิการที่ให้ครูส่งเงินสมทบ 3%, โรงเรียนสมทบ 3% และรัฐบาลสมทบอีก 6% เพื่อให้ครูไว้ใช้ยามเกษียณ รวมถึงรายได้จากกองทุนดังกล่าวยังมาเป็นสวัสดิการส่วนอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล แต่เมื่อเทียบกับของรัฐก็ยังพบว่ามีข้อจำกัดอยู่
 
ดังนั้นภาคเอกชนก็ต้องพัฒนาอีกหลายเรื่อง ในการทำให้ครูเอกชนมีความยั่งยืน แต่ส่วนภาครัฐเองก็มีความพยายามเพิ่มสวัสดิการ แนวคิดที่มีการนำเสนอก็เช่น การประกันสุขภาพ หรืออาจจะมีการจัดทำวิทยฐานะของครูเอกชนเพื่อให้มีผลตอบแทนมากขึ้น ผู้ที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญก็จะได้รับการดูแลมากขึ้น
 
(ภาพ : มติชน)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง