เจาะเบื้องลึก “ชามรณะ” สังหาร 6 ชีวิต ล้างหนี้ ไขปมลับ เอา “ยาพิษ” มาจากไหน ?

เจาะเบื้องลึก เหตุการณ์สะเทือนขวัญ สังหาร 6 ชีวิต ในห้องสวีทหรู กลางกรุงเทพฯ ตำรวจทำงานกันอย่างหนัก ด้านแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ ออกแถลงผลชันสูตรแล้ว ยืนยัน ! พบสารไซยาไนด์ทั้งหมด ร่วมวิเคราะห์พร้อมกัน ว่า ผู้ก่อเหตุเป็น 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตจริงหรือไม่ ?

 

วันที่ 17 ก.ค. 67 พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า การเสียชีวิตในลักษณะนี้เป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ เมื่อแจ้งความแล้วพนักงานสืบสวนต้องไปรักษาที่เกิดเหตุ เก็บพยานหลักฐาน หาพยานบุคคลหรือพยานแวดล้อม เพื่อประกอบการสืบสวน จากสถานที่เกิดเหตุวิเคราะห์ได้ ว่า การเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการถูกทำร้าย คาดว่าเกิดจากสารเคมี เมื่อเกิดจากสารเคมีต้องวิเคราะห์ต่อ ว่า สารเคมีชนิดใดบ้าง ที่นำไปสู่สาเหตุการเสียชีวิตได้ และวิเคราะห์ถึงแรงจูงใจ กรณีนี้อาจจะเกิดจากการเป็นหนี้ หรือเจรจาตกลงกันไม่ลงตัว จึงเกิดการไม่พอใจ จนนำไปสู่การวางแผนฆาตกรรมดังกล่าวขึ้น

 

 

ถ้ายังไม่มีการสอบปากคำจากไกด์ วิเคราะห์ได้ ว่า น้องสาวของผู้เสียชีวิตคนที่ 2 ไม่น่าเกี่ยวข้อง เพราะเป็นญาติของผู้เสียชีวิตที่กลับไปแล้ว ไม่ทราบถึงแรงจูงใจที่ทำให้ฆาตกรรมพี่ตัวเอง ต้องดูว่าไกด์โยนความผิดหรือให้การเท็จหรือไม่ ถ้าน้องสาวไปซื้อยาจริง โดยซื้อเสร็จแล้วรีบเดินทางกลับเพื่อให้ตนเองพ้นผิดก็อาจจะเป็นไปได้ ต้องมาวิเคราะห์ข้อเท็จจริงกันต่อ ว่า ไกด์พูดจริงหรือเท็จอย่างไร ในกรณีที่เป็นเรื่องจริง ปมการเสียชีวิตจะเปลี่ยนไป เพราะจะเป็นการแสดงถึงคดีที่มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยข้อมูลทั้งหมดไม่สามารถตัดคนนอกออกไปได้

 

เรื่องที่ตนติดใจที่สุดแล้วไม่อยากให้มีประเด็น คือ ต้องหาที่มาของยาดังกล่าวให้ได้ ว่า ได้มาอย่างไร ซื้อขายกันอย่างไร เพราะเป็นอาวุธที่สำคัญและอันตรายมากต่อสังคมสมัยนี้ กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแต่มีหลายเคส ที่ผู้ก่อเหตุคดีร้ายแรง คิดจะจบชีวิตตัวเองตามเพื่อหนีความผิด เพราะถ้าอยู่จะถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน

 

 

ในมุมของตำรวจ

 

1. การที่เรียกรวมตัว อาจจะเป็นการรวมตัวก่อนเช็กเอาต์

2. จัดกินเลี้ยงฉลอง เรื่องการเจรจาเป็นไปอย่างลุล่วง

3. ก่อนจากลา จึงสั่งอาหารมากินร่วมกันในมื้อสุดท้าย แต่ถูกวางยาก่อนจะได้รับประทานอาหาร

 

ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว ให้ความเห็นว่า ไซยาไนด์เป็นสารควบคุม ถ้ามีการซื้อขายทางออนไลน์ ถึงคราวโดนจับเมื่อมีการตรวจเช็ก ว่า มีการซื้อขายมีที่มาที่ไปอย่างไร กฎหมายบังคับ ว่า ไซยาไนด์ ไม่มีผลิตในประเทศไทยเป็นสินค้านำเข้า จึงมีการจำแนกได้ว่ามีการแจกจ่ายไปให้ใครบ้าง โดยต้องแจกจ่ายตามวัตถุประสงค์ ประเด็นคือ ไซยาไนด์ ที่ถูกลักลอบเข้ามาในวิธีการอื่น ในส่วนนี้จะเป็นปัญหา

 

 

การนำไซยาไนด์ไปใช้มีหลายรูปแบบ โดยใส่ในเม็ดแคปซูลแล้วแอบอ้างเป็นอาหารเสริม เพื่อให้รับประทานหรือใส่ในเครื่องดื่ม แต่พบน้อยมากที่จะนำไปใส่ในอาหาร เพราะควบคุมปริมาณได้ยาก โดยปกติปริมาณที่ใช้ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ต้องใช้ 1-200 มิลลิกรัม เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว สามารถทำให้เสียชีวิตได้ โดยปริมาณที่สามารถทำให้เสียชีวิตได้ถึง 6 คน ก็ใช้ในปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งสามารถแอบนำเข้ามาได้ง่าย

 

 

ระยะเวลาในการเสียชีวิต จะตรวจการแข็งตัวของกล้ามเนื้อหลังเสียชีวิต เป็นการประเมินระยะเวลา อาจจะมีการเปิดกระเพาะอาหารดูเรื่องของอาหารในกระเพาะเพื่อที่จะคาดการระยะเวลาการเสียชีวิต โดยถ้าได้รับสารพิษไซยาไนด์สีผิวทั้งร่างกายจะเป็นสีชมพูมากขึ้น ที่ผ่านมาเคยมีคนกล่าวอ้างว่า เอาไซยาไนด์ไปฆ่างู จึงไม่แน่ใจว่ายางูเป็นรหัสลับหรือเปล่า แต่ยางูมีอยู่จริง เป็นยาที่คนจีนเรียก ยางูเป็นยาเสริมกำลังเป็นที่นิยมของคนจีน ช่วยบำรุงร่างกาย และมีหลายชนิด

 

โดยในผู้เสียชีวิตมีการพบสารไซยาไนด์ค่อนข้างมาก จงใจทำให้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ระดับการรับพิษของแต่ละคนไม่เท่ากัน อิงจากน้ำหนักตัว แต่ทุกคนที่เสียชีวิตได้รับในปริมาณที่สูงเหมือนกันหมด โดยบางคนเมื่อได้รับสารพิษไปแล้วอาจจะมีอาการในทันที จะเร็วหรือช้าขึ้นน้ำหนักตัวก็มีผล โดยถ้าเริ่มมีอาการแล้วจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ การล้างท้องก็ไม่ช่วยเพราะสารพิษเข้าไปตามกระแสเลือดแล้ว ไม่เหมือนกับการกินยาฆ่าแมลงที่ไปอยู่ในกระเพาะอาหาร แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับพิษแล้วจะเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษที่ได้รับ โดยคดีจะจบลงได้ถ้ามีข้อมูลชัดเจนว่าที่มาของสารพิษไซยาไนด์ที่ใช้ในการก่อเหตุมาจากที่ใด ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่สามารถเฉลยคดีนี้ได้ทั้งหมด

 

 

ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยา และพฤติกรรมอาชญากร มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความเห็นว่า นอกจากจะดูจากพยานหลักฐานและความสัมพันธ์ของผู้เสียชีวิตแล้ว เราทราบแค่เส้นทางการเงิน และธุรกิจที่ไม่ลงรอยกัน ในเรื่องของการมีหนี้สินข้อมูลมีน้อยมาก ซึ่งในอีก 2 สัปดาห์หน้า จะมีการขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งเป็นคดีที่ยืดเยื้อมานาน โดยการรวมตัวครั้งนี้อาจจะเกี่ยวข้องการคดีความ เราต้องดูจากสภาพจิตใจของผู้สังหาร โดยอาจจะมีเบื้องลึกมากกว่านี้ เพราะเราไม่ทราบว่าการเสียชีวิตครั้งนี้ ใครได้รับผลประโยชน์บ้าง ยังเร็วไปที่จะสรุป

 

 

ไม่ใช่ทุกคนที่จะทราบว่า ไซยาไนด์ คืออะไร คดีนี้ต้องมีการวางแผน เนื่องจากอาวุธที่ใช้สังหาร ไม่ใช่สิ่งที่พบเจอได้ทั่วไป ไม่มีทางที่จะเป็นความบังเอิญ ถ้าให้วิเคราะห์คนที่หยิบชาอาจจะไม่ทราบว่ามีสารพิษ และคนชงชาอาจไม่ทราบได้เช่นกัน เราต้องทราบก่อน ว่า คนจัดหาไซยาไนด์และรู้จักไซยาไนด์จริง ๆ คือใคร และหาไซยาไนด์มาได้อย่างไร