ศาลอาญารัชดาตัดสินแล้ว 7 โจ๋รุมฆ่าชายพิการขายขนมปัง ย่านโชคชัย 4 สั่งจำคุกต่างกรรมต่างวาระ ตั้งแต่ 12 ปี ถึง 19 ปี พร้อมสั่งชดใช้เงิน รวม 7.5 แสนบาทให้แก่ผู้ตายและมารดา ขณะที่ทนายจำเลยเตรียมยื่นอุทธรณ์คดี
จากกรณีเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 ที่นายพีรพล หรือเปา ยศพงศ์อนันต์ กับพวกรวม 7 คน ได้ร่วมกัน บุกเข้าไปในบ้านพักของนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการ อาชีพขายขนมปัง ที่ย่านโชคชัย 4 แล้วรุมแทงจนถึงแก่ความตาย และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและส่งตัวฟ้องต่ออัยการ ในฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหาดังกล่าว
ล่าสุดวันนี้(26 ธ.ค. 60)ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีอัยการ ฟ้องนายพีรพล ยศพงศ์อนันต์ หรือ เปา นายพีรพล ยศพงศ์อนันต์ , นายอัครเดช ทัศนะ , นายมนต์มนัส แสงโพธิ์, นายจตุพร จันทร์โสภา , นายเมฆ พลไกรษร , นายอรินทร์ ยศพงศ์อนันต์ และ น.ส.ณัฐณิชา ฤทธิ์ล้ำเลิศ เป็นจำเลยที่ 1-7 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ,ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ ,และร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 จำเลยร่วมกันใช้อาวุธมีดดาบยาวบุกเข้าไปในบ้านพักของนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการ อาชีพขายขนมปังร้านปังหอม ในที่ซอยโชคชัย 4 แยก 69 ทะเลาะวิวาทและรุมแทงจนถึงแก่ความตาย ในส่วนของจำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เมื่อถึงเวลาศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากภาพกล้องวงจรปิดและภาพนิ่ง มีความสอดคล้องกันกับคำให้การของพยานอีกทั้งเวลาเกิดเหตุมีแสงสว่างชัดเจน อีกทั้งพยานโจทก์ที่นำมาเบิกความไม่มีความขัดแย้งกับจำเลย จึงเชื่อว่าจำลยกระทำผิดจริงจึงพิพากษาจำคุก จำเลยที่ 2,4,6 ในข้อหาบุกรุก จำคุก 1 ปี ,ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยที่ 1,2,3,6 จำคุก 18 ปี ,ข้อหาช่วยเหลือสนับสนุนฆ่าผู้อื่น จำคุก จำเลย 4,5,7 จำนวน 12 ปี และข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเมือง จำเลยที่ 1,2,3,6 ปรับ 1 พันบาท โดยโทษรวมให้จำคุกจำเลยที่ 1,3 จำนวน 18 ปี ปรับ 1 พันบาท ,จำคุกจำเลยที่ 2,6 จำนวน 19 ปี ปรับ 1 พันบาท ,จำคุกจำเลยที่ 4,5,7 จำนวน 12 ปี ปรับ 1 พันบาท และจำเลยที่ 2,3,6 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 5 แสนบาท และอีกทั้งให้จำเลยที่ 4,5,7 ร่วมกับจำเลยที่ 1,2,3,6 ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมหรือมารดา จำนวน 2 แสน ห้าหมื่นบาท
ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความผู้เสียหาย ระบุว่าในวันนี้รู้สึกพอใจคำตัดสินของศาลแต่ติดใจการทำงานของพนักงานสอบสวนและอัยการบางท่านที่มีการให้ความเห็นว่าพฤติการณ์ของคดีนี้ที่ไม่เข้าข่ายฆ่าโดยไตร่ตรองและไม่มีการส่งฟ้องในประเด็นนี้ ทั้งที่ในวันนี้ศาลมีการพิเคราะห์ในพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้งหมด ในประเด็นการโทรตามพวกและให้นำอาวุธมีดมาทำร้ายผู้ตาย ซึ่งถือว่าเข้าข่ายการไตร่ตรอง แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ยื่นฟ้องในข้อหานี้ ทำให้ไม่ได้รับโทษสูงสุด คือการประหารชีวิต ต่อจากนี้จะยื่นอุทธณ์ในอัตราโทษที่จำเลยได้รับ ที่ส่วนตัวมองว่าควรให้ได้รับโทษมากกว่านี้
ส่วนนางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของนายสมเกียรติ ซึ่งเดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมทนาย ระบุว่า รู้สึกพอใจคำตัดสินของศาล ขอบคุณที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว ตอนนี้รู้สึกพอใจและจะเตรียมเผาศพลูกชาย ตามพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
ขอบคุณภาพ มติชนออนไลน์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง