การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวานนี้ ยังไม่ได้ข้อยุติ สมาชิกถกเถียงกันอย่างมากเรื่องที่กรรมาธิการเพิ่มอำนาจให้ ป.ป.ช.ในการดักฟังเสียงการพูดคุยโทรศัพท์ของบุคคลที่เข้าข่ายกระทำการทุจริต จนทำให้ประธานสั่งพักการประชุมก็แล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดได้สั่งปิดการประชุมและพิจารณาต่อเช้าวันนี้
โดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. กล่าวว่าการประชุม สนช. วันนี้ต้องได้ข้อยุติและผ่านวาระ 3 ให้ได้ โดยเมื่อวานได้ให้สมาชิกอภิปรายกันเต็มที่แล้ววันนี้ก็จะควบคุมให้อภิปรายน้อยลงเพื่อจะได้ลงมติในรายมาตรา ก่อนจะลงมติวาระ 3
ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วย กับการเพิ่มอำนาจ ป.ป.ช. เพราะห่วงว่าจะเกิดการใช้อำนาจไม่เป็นทำและเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. ระบุว่า แม้ปัจจุบันไม่มีกฎหมายนี้ ตนก็ยังไม่กล้าใช้โทรศัพท์สื่อสารเรื่องสำคัญ เพราะเกรงการดักฟังซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้ว และเห็นว่ามาตราดังกล่าวเป็นการทำลายระบบสื่อสารอย่างสิ้นเชิง
เช่นเดียวกับนายสมชาย แสวงการ สนช. กล่าวว่า ตนเองก็เคยถูกดักฟัง และในอดีตมีเหตุการณ์ที่นักการเมืองให้โทรศัพท์รัฐมนตรีใช้เพื่อดักฟังมาแล้ว พร้อมยกตัวอย่างคดีรับจำนำข้าวที่ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ได้ดี ใช้ความรู้ ความสามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้ โดยไม่ต้องใช้กลไกการดักฟัง
ขณะที่ฝั่งที่เห็นด้วยมองว่าจะทำให้การพิจารณาคดีทุจริตเป็นไปอย่างรวดเร็วและรัดกุมมากขึ้น โดยนางสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ได้ขอความเห็นใจเพราะการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่มีข้อจำกัดในการตรวจสอบทุจริต ทำให้ปัจจุบัน ป.ป.ช. เปรียบเสมือนแมว ไม่ใช่เสือ โดยขอให้ สนช.ผ่านมาตราดังกล่าว เพื่อเป็นกลไกตรวจสอบทุจริตของ ป.ป.ช. ซึ่งมั่นใจว่า หากได้เครื่องมือนี้มาจะทำให้คดีทุจริตที่ยังค้างอยู่มีความคืบหน้า
+ อ่านเพิ่มเติม