ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากเมื่อวานนี้ ป.ป.ช.มีมติตั้งองค์คณะไต่สวน 12 ข้าราชการที่เอื้อประโยชน์ให้กับ นายทักษิณ วันนี้ นายจตุพร พร้อมอดีตแกนนำ กปปส. และกลุ่มพันธมิตรฯ บุก ป.ป.ช.ยื่น 4 ข้อเสนอให้เร่งรัดคดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และจับนายทักษิณ กลับมาเข้าคุกใหม่
จตุพร-กปปส. บุก ป.ป.ช. จี้เร่งรัดคดีชั้น 14
นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. พร้อมนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท., นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา, นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี พร้อมเครือข่ายอดีตกลุ่มพันธมิตรฯ และ กปปส. เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือให้เร่งรัดพิจารณาข้อกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, พลตำรวจโททวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขัง นายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ
นายพิชิต ไชยมงคล ได้อ่าน 4 ข้อเสนอ เพื่อประกอบการพิจารณา คือ 1.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำ พบว่า มีพยานบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุมอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว 2.คดีให้อยู่บ้าน พักโทษ โดยอ้างว่า นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่า หลังพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงใช้ชีวิตปกติทุกอย่าง
3.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทย พยายามปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชันเป็นพิเศษ แต่หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์การตรวจสอบที่เคร่งครัด 4.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ เพราะสร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ เสียหายไปกว่าแสนล้านบาท แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยง เข้าครอบงำพรรค ผลักดันนโยบายทุจริต และยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย
ขณะเดียวกัน ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม ทั้ง พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณด้วย
จตุพร หวังเห็นน้ำยา ป.ป.ช.เอาผิดคดี ทักษิณ
ด้าน นายจตุพร ระบุว่า มาให้กำลังใจ ป.ป.ช. ด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวนวันนี้ยังไม่ไว้ใจจนกว่าท่านจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถึงวันนั้นตนและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้ง
นายจตุพร ระบุอีกว่า ขณะนี้เป็นที่ประจักษ์ว่า นายทักษิณ ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้เวชระเบียน ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร.จนถึง นายกรัฐมนตรี
แก้วสรร จี้จับ ทักษิณ กลับเข้าคุก
ขณะที่ นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า งานนี้หลักฐานและข้อกฎหมายชัดเจนว่า มีมูลความผิด และตนมั่นใจในการทำงานของ ป.ป.ช.พร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริง ๆ มาลงโทษ และหากไม่มีการขังตามหมาย ต้องออกหมายใหม่กลับไปเข้าคุก หาก ป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างจะยอมกราบเลย
ด้าน นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวน บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แล้ว
และทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.มติชัดเจน ว่า หากพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้น ไม่ต้องกังวล เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และขอยืนยันว่าทาง ป.ป.ช ทำงานตามพยานหลักฐานเป็นหลัก เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ หลังจากยื่น 4 ข้อเสนอ บรรดาแกนนำได้เข้าไปพูดคุยเป็นการภายในกับเลขาธิการ ป.ป.ช.ด้านในอาคาร
ศาล รธน.ตีตกคำร้อง ปมเอื้อประโยชน์ ทักษิณ
ขณะเดียวกันวันนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาคำร้องของ นายคงเดชา ชัยรัตน์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่มีอำนาจให้ความเห็นชอบส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่ห้องพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจทั้งที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีอาการป่วยรุนแรง ถือเป็นกระทำการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทักษิณ ให้ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่นหรือไม่นั้น
ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ เป็นเพียงการ กล่าวอ้างว่า ผู้ถูกร้องทั้ง 3 ปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง หรือ พยานหลักฐานอื่นที่ชัดเจนเพียงพอ และยังห่างไกลเกินกว่าเหตุที่แสดงให้เห็นได้ว่า ผู้ถูกร้องทั้ง 3 กระทำการอันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพผู้พิการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
ศาล รธน.ไม่รับสอบ ดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ตรงปก
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ในคดีที่ นายสนธิญา สวัสดี ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรี ใช้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตในการหาเสียงเลือกตั้ง แต่ต่อมาเมื่อพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ได้เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์และกลุ่มเป้าหมายของนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงเดิม เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และไม่ชอบด้วย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561
โดยศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง ไม่ปรากฏว่า ผู้ร้องถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพและได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรง ส่วนกรณีไม่เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 46 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
ส่วนความคืบหน้าโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ในระยะที่ 2 ที่จะแจกให้ผู้สูงอายุ 4 ล้านคน คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันที่ 24 ธันวาคม และจะแจกทันตามกำหนดระยะเวลาเดิม คือไม่เกิน 29 มกราคม 2568 หรือ ตรุษจีน โดยขณะนี้ อยู่ในระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35