สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เร่งแจกเครื่องนุ่งห่มหนาวแก่ประชาชนที่ประสบปัญหาภัยหนาวแล้ว 4 หมื่นกว่าราย เตือนประชาชนเลี่ยง 4 พฤติกรรมเสี่ยงอันตราย งดดื่มแอลกอฮอล์เพื่อคลายอากาศหนาว ไม่นอนในที่โล่งแจ้งโดยไม่มีสิ่งปกคลุมร่ายกาย ไม่ก่อกองไฟบริเวณอากาศถ่ายเทไม่สะดวก การอาบน้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สควรมีการระบายอากาศ เพราะจะทำให้สูดดมแก๊สเข้าร่างกายในปริมาณมากทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้
หลังจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นของจังหวัดเชียงใหม่ทั้ง 25 อำเภอมีอุณหภูมิลดลงมาต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลายพื้นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียล ซึ่งในเมืองเชียงใหม่ต่ำสุด 10 องศาเซลเซียล ส่วนการช่วยเหลือประชาชนทีประสบภัยหนาว ล่าสุดนายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่าการช่วยเหลือฉุกเฉินจากภัยหนาวขณะนี้ยังไม่มีการ้องขอเข้าเนื่องจากมีการแจกจ่ายเครื่องกันหนาวโดยเฉพาะผ้าห่มป้องกันอากาศหนาวไปแล้วกว่า 4 หมื่นรายในพื้นที่ต่างๆ ยังมีองค์กรต่างๆ ที่ได้เข้ามาแจกจ่ายช่วยเหลือไปแล้ว ตามแผนในปลายเดือนธันวาคมนี้จะแจกจ่ายกลุ่มต่างๆ กว่า 8 หมื่นราย
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นได้ทำหนังสือเสนอผู้ว่าราชหารจังหวัดลงนาม เพื่อใช้แนะนำ 3 วิธีดูแลสุขภาพ และคำเตือนแก่ประชาชนเลี่ยง 4 พฤติกรรมเสี่ยงอันตราย ในช่วงอากาศหนาวจัดแบบนี้ เน้นความเสี่ยง การดื่มแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันคลายอากาศหนาว จะทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบ และอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติทำให้เสียชีวิตได้ นอนในที่โล่งแจ้งโดยไม่มีสิ่งปกคลุมร่ายกาย เพราะความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัวและหัวใจทำงานหนักส่งผลให้เสียชีวิต และการก่อกองไฟ จุดไฟตะเกียงในพื้นที่ไม่มีอากาศถ่ายเทเพราะจะสูดดมควันไฟเข้าไปสู่ร่างกายทำให้เสียชีวิตได้ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ หากดับไม่สนิท หรือลืมดับเพราะหลับไปก่อน ต้องย้ำเตือนประชาชนทุกพื้นที่ต้อง ช่วยกันดับไฟที่ก่อผิงให้สนิทและไม่ก่อไฟในเต้นท์หรือใกล้เต้นท์เพราะอาจทำให้ควันเข้าไปจนทำให้เกิดเสียชีวิตได้ และความเสี่ยงจากการอาบน้ำอุ่นโดยไม่เปิดพัดลมระบายอากาศเมื่อใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส เพราะจะทำให้การสูดดมแก๊สเข้าร่างกายในปริมาณมากทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงโดยหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ สวมเสื้อผ้าหนาๆพร้อมสวมถุงมือเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย และดูแลเด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นพิเศษหากเจ็บป่วยรุนแรงกว่าคนทั่วไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม