“แพทองธาร” สั่งทบทวน ปลดล็อกขายเหล้าวันพระ | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - กรณีนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเพิ่มเติมข้อเรียกร้องของภาคธุรกิจ ให้ยกเลิกการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงเวลา 14.00-17.00 น.และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา รับธีมปีท่องเที่ยว ควบคู่ปกป้องเยาวชนไม่ให้เข้าถึงแอลกอฮอล์

 

นายกฯ สั่งทบทวน ปลดล็อกขายเหล้าวันพระ

 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เนื่องด้วยได้รับข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจในหลายกลุ่มเรื่องข้อจำกัดทางกฎหมาย ในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และไม่สอดคล้องกับนโยบาย ที่ปีนี้รัฐบาลได้ส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติม

 

ไม่ว่าจะเป็นกฎเรื่องการห้ามขายช่วงเวลา 14.00-17.00 น. หรือ การห้ามขายในช่วงของวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาว่า มีการกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย และการป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้อย่างง่ายดาย เมื่อปลดล็อกตรงนี้ เพิ่มรายได้ผู้ประกอบการแล้ว เพิ่มเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว แต่เยาวชนจะต้องถูกปกป้องเรื่องนี้ ไม่ให้เข้าถึงแอลกอฮอล์

 

ภูมิธรรม สั่งย้าย ขรก.เอี่ยวแก๊งคอลเซนเตอร์

 

ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หน่วยงานความมั่นคง เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติออนไลน์ โดยประสานงาน กับทางการจีน เรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แจ้งให้ที่ประชุม รับทราบว่า เวลา 12.00 น. วันเดียวกันนี้ จะออกคำสั่งย้ายข้าราชการระดับสูงของไทย ที่มีส่วนพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ แต่ปัจจุบัน ส่วนการตัดสัญญาณในระบบสื่อสารโทรคมนาคมของ กสทช.ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะฝั่งอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ตรงข้ามปอยเปต ประเทศกัมพูชา กสทช.ยังไม่ตอบสนองมาก ขณะเดียวกันในฝั่งตะวันตกตรงข้าม อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ขอให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด

 

ส่วนเรื่องมนุษยธรรม รัฐบาลไทยได้เปิดรับผู้ป่วยจาก ประเทศเมียนมา ให้เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลของไทยได้ และอนุญาตให้รถยนต์ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาเติมน้ำมันได้

 

ผบ.ตร.สั่งเด้ง พล.ต.ต. ปมโยงธุรกิจเมียวดี 

 

และล่าสุด พลตำรงจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงาน กรณีที่ปรากฏข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีข้าราชการตำรวจยศ พลตำรวจตรี มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจเมียวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงและ บ่อนกาสิโน รวมทั้งเป็นแหล่งฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมายขนาดใหญ่ริมชายแดนประเทศไทยและประเทศเมียนมา

 

ภายหลังได้เปิดเผยชื่อคือ พลตำรวจตรี เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้ พลตำรวจตรี เอกราษฎร์ ไปช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568

 

สั่งเด้ง ผู้การตาก บกพร่องต่อหน้าที่

 

พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ยังมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการและรักษาราชการแทน เนื่องจากนักท่องเที่ยวถูกมิจฉาชีพหลอกลวงมาที่ประเทศไทย แล้วหายตัวไปบริเวณชายแดนประเทศเมียนมา อีกทั้งมีการลักลอบข้ามชายแดนทางช่องทางธรรมชาติ ในเขตพื้นที่อำเภอแม่สอด และ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก

 

กรณีดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ของสถานีตำรวจภูธรแม่สอด สถานีตำรวจภูธรแม่ระมาด และสถานีตำรวจภูธรพบพระ จังหวัดตาก ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ พลตำรวจตรี สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ซึ่งตำรวจภูธรภาค 6 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว และมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการของ 3 สถานีตำรวจดังกล่าว ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมแล้ว

 

เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงสั่งการให้พลตำรวจตรี สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม และให้พลตำรวจตรี ระวีพรรษ อมรมุนีพงศ์ รองผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 6 รักษาราชการแทนผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก อีกหน้าที่หนึ่ง