นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชุดที่ 1 อธิบายข้อกฎหมายถึงกรณีการจับกุมผู้ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ว่าคดีนี้แม้กฎหมายไม่ได้บัญญัติโดยตรงว่าห้ามครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า แต่เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรและจำหน่ายจ่ายแจก ซึ่งกฎหมายศุลกากรมีข้อสันนิษฐานทำนองว่าของต้องห้ามอยู่ในการครอบครองของใครสันนิษฐานไว้ว่าเป็นคนนำเข้าหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายจ่ายแจก แต่ข้อสันนิษฐานนี้ไม่ได้เป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด ผู้ถูกกล่าวหายังสามารถไปต่อสู้ในชั้นศาลได้ว่าการครอบครองมีเจตนาเป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายจ่ายแจกซึ่งมีความผิดตามกฎหมายศุลกากรหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีการยึดรถผู้ที่ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้านั้นนายมีชัย กล่าวว่า ถ้ารถคันดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งของที่ผิดกฎหมาย ก็ไม่สามารถยึดได้
อย่างไรก็ตาม นายอุดม รัฐอมฤต คณบดีคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่าเรื่องนี้ไม่มีความสมเหตุสมผลในการบังคับใช้กฎหมายที่เจ้าหน้าที่จะมาจับกุมคนทั่วไปที่ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า เพราะโดยหลักการการจะสันนิษฐานผู้ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ต้องไปสันนิษฐานจากคนที่เพิ่งเข้ามาในราชอาณาจักร ตามด่านพรมแดนหรือสนามบินต่างๆ ไม่ใช่มาสันนิษฐานจากผู้คนทั่วไป ถือเป็นการลิดรอนสิทธิประชาชนได้ หากผู้ที่ครอบครองซื้อไม่ได้มีเจตนาทำผิดกฎหมาย
+ อ่านเพิ่มเติม