จับกุมได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข้ามชาติ ล่าสุดตำรวจติดตามจับกุมเพิ่มได้อีก 21 ราย ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติที่อยู่ในระดับสั่งการ
ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหา 21 รายที่เป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยึดของกลางได้จำนวนมาก อาทิ โทรศัพท์สำนักงาน โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเอทีเอม หนังสือเดินทาง และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวนหลายรายการ โดยตั้งฐานบัญชาการอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น กรุงเทพฯ ชลบุรี-พัทยา สงขลา และภูเก็ต โดยตำรวจแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชนและแสดงตนเป็นบุคคลอื่นร่วมกันใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น โดยมีนายอภิชาติ กัณวิสิฐ เป็นหัวหน้าในระดับผู้สั่งการ และมีนายบุญส่ง คำตัน และ นายแสงเมือง ลุงออ เป็นคนดูแลคอลเซ็นเตอร์
ส่วนอีก 15 รายเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ยังมีการจับชาวต่างชาติที่เข้าร่วมขบวนการได้อีก 3 ราย ในข้อหามีไว้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ 2 ราย คือนายซู โป ชู กับ นายทังเกียวยู สัญชาติใต้หวัน ส่วนในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด อีก 1 ราย คือ นายลิน จีนาเว่ย สัญชาติใต้หวัน
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทนที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เครือข่ายและแผนประทุษกรรมแก๊งcall center มีพฤติการณ์โดยหัวหน้าใหญ่ได้ประสานให้หน่วยคอลเซ็นเตอร์ที่ประจำการอยู่ในประเทศต่างๆ หลอกลวงผู้เสียหายอีกประเทศหนึ่งโดยใช้แผนประทุษกรรมอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานรัฐว่ามีข้อมูลทางการเงินพัวพันกับองค์กรอาชญากรรมจะต้องถูกดำเนินคดีอายัดทรัพย์ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะให้โอนเงินผ่านบัญชีผู้รับจ้างเปิดบัญชี ก่อนจะมีคนที่ทำหน้าที่กดเงินรวบรวบฟอกเงินและกระจายเงินไปผ่านระบบbitcoin บริษัททัวร์ โพยก็วน แล้วเงินก็จะถูกนำไปรวบรวมที่กลุ่มผู้ดำเนินการระดับบริหารทั้งไทยและจีน ก่อนเงินจะกลับไปสิ่นสุดที่หัวหน้าใหญ่ที่สั่งการ สำหรับการดำเนินการครั้งนี้เป็นการจับกุมครั้งที่ 4 โดยสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ 146 หมายจับ ดำเนินจับกุมได้ 98 หมายจับ ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ 7 หมายจับ และอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม 41 หมายจับ
ทั้งนี้มีผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศอีกด้วยซึ่งตำรวจก็กำลังเร่งติดตามให้เร็วที่สุด ส่วนข้อมูลขณะนี้เชื่อว่ายังมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่มากกว่าเดิมอีก สำหรับในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ ทางตำรวจไทยยังได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศอีกด้วย โดยเฉพาะประเทศเขมร ที่วันนี้ล่าสุดทราบว่าจะมีการส่งผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยที่อยู่ในเขมร เข้าสู่ประเทศไทยด้วย การแถลงข่าวครั้งนี้ นำผู้ต้องหาสาธิตวิธีการหลอกเหยื่อให้สื่อมวลชนดูด้วย โดยทำงานกัน4คน คนบอกรายละเอียดของที่ส่งว่าอาจมีสิ่งผิดกฏหมาย ส่งต่อให้คนที่ 2 อ้างเป็น ตร. สอบถามข้อมูล จำเป็นต้องอายัดบัญชีไว้ตรวจสอบ ก่อนส่งต่อให้ คนที่ 3 และ 4 เพื่อบอกรายละเอียดการอายัดบัญชี และหลอกให้โอนเงิน
+ อ่านเพิ่มเติม