ก.สาธารณสุข เร่งแก้ปัญหาวัณโรค หลังพบผู้ป่วยไทยติดระดับ 1 ใน 14 ของประเทศที่มีผู้ป่วยวัณโรคสูง
logo ข่าวอัพเดท

ก.สาธารณสุข เร่งแก้ปัญหาวัณโรค หลังพบผู้ป่วยไทยติดระดับ 1 ใน 14 ของประเทศที่มีผู้ป่วยวัณโรคสูง

2,435 ครั้ง
|
28 พ.ย. 2560
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าบุคลากรทางการแพทย์ต้องปลอดวัณโรค หลังพบสถิติแพทย์เป็นวัณโรคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และติด 1 ใน 14 ประเทศที่มีผู้ป่วยวัณโรคสูง 171 ต่อ 1 แสนคน ตั้งเป้าภายในปี 64 ต้องลดอัตราลงอยู่ที่ 88 ต่อ แสนคน หากมีอาการต้องรักษาทันที
 
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณะสุข เปิดการประชุมความร่วมมือในการดูแลสุขภาพบุคลากรทางการแพทย์ ครั้งที่ 10 ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์จาก 33 ประเทศ เข้าร่วมประชุม โดยเน้นย้ำในเรื่องของการแก้ปัญหาบุคลากรทางการณ์แพทย์ติดเชื้อวัณโรค ที่มีสถิติเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง และประเทศไทยติด 1 ใน 14 ประเทศ ที่มีผู้ป่วยวัณโรคสูงอยู่ที่จำนวน 171 ต่อ 1 แสนคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก หากไม่รีบดำเนินการจะกลายเป็นปัญหาโรคติดต่อที่ร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงของประเทศในอนาคต 
 
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณะสุข กล่าวว่า เมื่อบุคลากรทางการแพทย์ป่วยเป็นวัณโรคจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานอย่างมาก ซึ่งจะมีความกังวลเรื่องการแพร่เชื้อให้ผู้ป่วยและเพื่อนร่วมงาน หรือผลข้างเคียงจากการกินยา ทำให้ต้องหยุดงานเพื่อรักษาตัวเอง และรู้สึกอับอายที่จะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นวัณโรค จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ป่วยด้วยวัณโรค ซึ่งปัญหาวัณโรคนี้ทางกระทรวงสาธารณะสุขได้ดำเนินการแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มเสี่ยง โดยปีนี้เป็นปีที่ 2 ซึ่งเน้นย้ำในบุคลากรทางการแพทย์ โดยปีที่แล้วได้เน้นย้ำในผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นอันดับ 1 ของผู้ที่เป็นวัณโรค และรองลงมาเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ป่วยโรคHIV มีอัตราความเสี่ยง 8 –15 เท่าของคนปกติ โดยตั้งเป้าภายในปี 2564 อัตราการป่วยเป็นวัณโรคของกลุ่มเสี่ยงจะต้องลดลงเหลือ 88 ต่อ ประชากร 1 แสนคน
 
ทั้งนี้แนวทางป้องกันอาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเราไม่รู้ว่าใครเป็นวัณโรคบ้าง เพียงแค่เดินผ่าน หรือสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นได้ทั้งหมด ซึ่งหากพบอาการไอเป็นเลือด มีไข้ต่ำๆทุกวัน เสมหะมีเลือดปน ควรรีบพบแพทย์โดยทันที หรือบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นวัณโรค โดยเฉพาะพ่อแม่และญาติพี่น้องที่อยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน หากมีอาการควรรีบพบแพทย์โดยทันที ซึ่งเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด และการรักษาจะต้องกินยาให้ครบ 6 เดือนโดยห้ามขาด หากมีภาวะดื้อยาก็จะต้องรักษาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงตั้งแต่ระดับ 1 แสนบาท ถึงหลักล้านบาทหากดื้อยาหลายชนิด
 
 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง