ก.เกษตรฯ สั่งกรมชลฯ ห้ามระบายน้ำเกิน 2.60 ล้านลบ.เมตรต่อวินาที มั่นใจฝนไม่ตกเพิ่มในพื้นที่น้ำท่วม ภาคกลางเข้าสู่ภาวะปกติใน 1 เดือน
logo ข่าวอัพเดท

ก.เกษตรฯ สั่งกรมชลฯ ห้ามระบายน้ำเกิน 2.60 ล้านลบ.เมตรต่อวินาที มั่นใจฝนไม่ตกเพิ่มในพื้นที่น้ำท่วม ภาคกลางเข้าสู่ภาวะปกติใน 1 เดือน

2,257 ครั้ง
|
18 ต.ค. 2560
รัฐมนตรีเกษตรฯ สั่งกรมชลฯ ระบายน้ำไม่เกิน 2,600 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ช่วง 7 วัน มั่นใจฝนไม่ตกเพิ่มในพื้นที่น้ำท่วม ภาคกลางเข้าสู่ภาวะปกติใน 1 เดือน
 
 
ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ฉัตรชัย  สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงเกษตรฯ และอธิบดีกรมชลประทาน บินสำรวจสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ถึง จ.นครสวรรค์ พบว่า มีน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางส่วนใหญ่เป็นการท่วมในพื้นที่เกษตรที่เก็บเที่ยวแล้วใช้เป็นทุ่งรับน้ำ รวมทั้งหมด 1.1 ล้านไร่ เทียบกับปี 2554 พื้นที่เกษตรภาคกลางน้ำท่วม 7.3 ล้านไร่ เป็นเพราะปัจจุบันมีการบริหารจัดการน้ำ ทั้งตัดยอดน้ำ พักน้ำ ดีขึ้น เมื่อรวมกับภาคเหนือตอนล่างแล้ว ข้อมูลล่าสุดระบุว่า น้ำท่วมพื้นที่การเกษตรกว่า 3 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 7 ของพื้นที่ทั้งหมด และมีผลผลิตเสียหาย หรือข้าวจมน้ำเกิน 10 วัน อยู่ที่ร้อยละ 3 
 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ สั่งการ 3 ข้อ คือ ข้อแรก ให้กรมชลฯ รักษาระดับการระบายน้ำไม่เกิน 2,600 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ภายใน 7 วัน ถ้าไม่มีฝนตกเพิ่มให้ลดปริมาณการระบายน้ำให้กลับสู่ภาวะปกติ  ข้อ 2 สำรวจความเสียหายเบื้องต้นเอาไว้ก่อน เมื่อน้ำลดจึงสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อรวดเร็วต่อการอนุมัติความช่วยเหลือจากภาครัฐ และสุดท้าย ให้เตรียมแผนการระบายน้ำจากทุ่งรับน้ำ ทั้ง บางระกำ และ 12 ทุ่งใต้เขื่อนเจ้าพระยา ที่เก็บน้ำได้มากกว่า 1 พันล้านลูกบาตรเมตร มากกว่าเขื่อนป่าสัก ไม่ให้พื้นที่ได้รับผลกระทบ
 
พร้อมทั้งให้กรมชลฯ ,จิสด้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาทุ่งรับน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการน้ำให้มากขึ้น พร้อมทั้งวางแผนปรับฤดูกาลเพราะปลูก เหมือนกับบางระกำโมเดล ที่สามารถเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวได้ก่อนน้ำหลาก 
 
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำหนุนสูงช่วง 16-18 ต.ค.ทำให้ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาวันที่ 17 อยู่ที่ 2,639 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้อยกว่าปี 54 ที่อยู่ระดับ 3,610 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และตั้งแต่วันที่ 19 ความกดอากาศสูงจะเข้ามา ทำให้ปริมาณฝนลดลง และจะไม่ตกตั้งแต่วันที่ 23 เป็นต้นไป 
 
หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยในจังหวัดชัยนาท และ สั่งให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่เร่งเยียวยาและสร้างความรับรู้ความเข้าใจกับคนในพื้นที่ และช่วยเรื่องอาหาร น้ำดื่ม ห้องสุขา ตามที่นายกรัฐมนตรีกำชับ