ชีวิตของเจ้านายน้อยทั้งสามพระองค์ดำเนินไปด้วยความเรียบง่ายในเมืองโลซานน์ แต่เพียงเวลาไม่ถึง 2 ปี ความวุ่นวายจากเมืองไทยก็ไล่ตามมาทัน
ข่าวการสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แพร่กระจายมาถึงยุโรปด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับคำถามที่ว่า ใคร จะก้าวขึ้นมาเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป
แม้จะยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ทั้งโลกก็พุ่งความสนใจ มาที่พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ผู้สืบราชสันตติวงศ์ลำดับที่ 1 ทันที ชีวิตที่เคยสงบเรียบง่ายกลายเป็นวุ่นวายในชั่วข้ามคืน
พระราชหัตถเลขาสมเด็จย่าระบุว่า "พวกหนังสือพิมพ์ก็เที่ยวตามหาตัว ทีแรกเขาหาไม่พบ เพราะไปหาชื่อ "สงขลา" เขาไปหาผู้ดูแลนักเรียน แต่ก็ไม่บอกให้ก็เลยไม่พบ ทีหลังมีคนถ่ายรูปมาอีก ทีนี้เขาหาได้เพราะไปถามที่ออฟฟิศที่มีรายชื่อชาวต่างประเทศ เขามาขอถ่ายรูป เพราะที่ลอนดอนเขาสั่งมาให้ถ่าย หม่อมฉันเองไม่อยากให้เขาถ่าย แต่สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะเขาบอกถ้าไม่ยอม เขาอาจไปดักถ่ายนันท์เวลากลับจากโรงเรียนก็ได้ แต่เขาอยากขออนุญาตเสียก่อน"
เมื่อนักข่าวเข้ามารบกวนเกินกว่าที่จะทรงรับมือไหว สมเด็จย่าจึงต้องตัดสินพระทัยพาพระโอรสและพระธิดาหลบหนีไปยังโรงแรมโกลด์ พาเลซ สถานที่พักตากอากาศสุดหรูที่ตั้งตระหง่านอยู่ในหมู่บ้านโกซ์ บรรยากาศป่าเขาและทะเลสาบที่เงียบสงบ น่าจะทำให้สมเด็จย่าทรงมีเวลาเลือกระหว่างสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศชาติ และสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของพระโอรส
วันที่ 26 มีนาคม 2477 สมเด็จย่าตัดสินพระทัยเสด็จกลับโลซานน์ ตามคำทูลเชิญของรัฐบาลไทย เพื่อพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รัฐบาลสวิส ถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ในฐานะพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ของประเทศไทย
"หม่อมฉันรู้สึกว่าอันตรายภายนอกสำหรับนันท์คงจะมีน้อย ที่หม่อมฉันวิตกอยู่ก็ถึงเรื่องที่นันท์จะไม่ได้มีความสุขอย่างเด็กมาก และกลัวการศึกษาจะได้ไม่เต็มที่ ที่หม่อมฉันไม่ใคร่กลัวอันตรายภายนอกก็เพราะว่า เราไม่ได้อยากจะเป็น แต่ต้องรับเพราะเห็นแก่บ้านเมืองที่ไม่อาจสงบได้" เป็นความในพระราชหัตถเลขาของสมเด็จย่าในเรื่องนี้
นับแต่นั้น ชีวิตใหม่ของครอบครัวมหิดลในสวิตเซอร์แลนด์ก็เริ่มต้นอีกครั้ง
ร่วมย้อนความทรงจำกับสารคดีเสด็จฯ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตอนที่ 11 : ว่าที่ยุวกษัตริย์ ได้จากวิดีโอด้านล่างนี้
+ อ่านเพิ่มเติม