เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บลายนิ้วมือที่คาดว่าคนร้ายจะจับต้องบริเวณประตูทางเข้า และหน้าเคาท์เตอร์ เพื่อนำกลับไปตรวจยืนยันตัวบุคคลกับฐานข้อมูลประวัติอาชญากรรม ในการใช้หาตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุชิงเงินธนาคารธนชาติ สาขาพระราม 3 ได้เงินไปกว่า 2 แสนบาทก่อนหลบหนีไป
โดยพลตำรวจตรีสุรชัย ควรเดชะคุปต์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงความคืบหน้าหลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด สอบปากคำ พนักงานธนาคาร และตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในเบื้องต้น โดยพบว่าคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างท้วม สีผิวดำแดง ตัดผมรองทรง ใบหน้ากลม สูงประมาณ 170 เซนติเมตร พูดภาษากลางชัดเจน แต่งกายคล้ายพนักงานส่งเอกสาร โดยก่อนเกิดเหตุคนร้ายใช้การเดินเท้าและทำทีเป็นลูกค้าของธนาคารเข้ามาติดต่อเป็นคนแรกเมื่อเวลาประมาณ 8.52 น. จากนั้นคนร้ายเดินไปที่เคาท์เตอร์ ชักอาวุธปืนลูกโม่ขึ้นมาข่มขู่บอกให้ส่งเงิน พร้อมกล่าวขอโทษและอ้างว่ามีความจำเป็น โดยใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 1 นาที ก่อนเดินออกไป
ขณะที่สอบปากคำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ้างว่า ไม่ทันสังเกตว่ามีเหตุจี้ชิงเงิน จึงไม่ได้ขัดขวาง จึงปฏิบัติหน้าที่และให้บริการลูกค้าไปตามปกติ
ส่วนการสอบปากคำพนักงานธนาคาร เบื้องต้นมีคนจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นหน้าคนร้ายมาก่อน จึงเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจเคยมาดูลาดเลา ก่อนเลือกตัดสินใจลงมือในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะมีคนมาใช้บริการไม่มาก ทั้งนี้ยืนยันว่าตำรวจมีภาพที่เห็นใบหน้าของคนร้ายที่ชัดเจน ขอเวลาทำงานอีกระยะหนึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าเร็วๆ นี้
ทางด้าน พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร ผู้กำกับการ สน.วัดพระยาไกร ยืนยันว่า ตามปกติแล้วจะมีเจ้าหน้าที่สายตรวจ ลาดตระเวนมาดูแลความปลอดภัยเป็นระยะอยู่แล้ว เพราะทุกสถาบันการเงินอยู่ในข่ายเป็นพื้นที่เสี่ยงที่ต้องดูแลและให้ความปลอดภัยเป็นพิเศษ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าคนร้ายไม่ใช่มืออาชีพ เพราะไม่มีการปิดบังหรืออำพรางใบหน้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามตนได้แนะนำให้ทางธนาคารติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเนื่องจากกล้องวงจรปิดในบางมุมไม่สามารถจับภาพของผู้มาใช้บริการได้อย่างชัดเจนเท่าที่ควร
พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.มาตรวจสอบจุดเกิดเหตุโดยรอบ พร้อมสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร และ เจ้าหน้าที่อาคารข้างเคียง เบื้องต้นต้องตรวจสอบทั้งภาคพื้น อากาศ และ พยานบุคคล ให้ได้ข้อมูลละเอียดที่สุด เพราะจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารทราบว่าคนร้ายเดินเท้า ไม่อำพรางใบหน้า เข้ามาข้างใน ซึ่งคงไม่ใช่มืออาชีพ แต่ประสงค์ต่อทรัพย์แน่นอน และมาดูลาดเลา พอสบโอกาสช่วงธนาคารเปิดซึ่งคนใช้บริการน้อยจึงก่อเหตุ
ส่วนเหตุผลการเดินเท้า อาจจะเป็นเหตุบังเอิญ สถานที่ไม่สะดวกต่อการจอด หรือ จอดไว้ที่อื่นที่ไม่ไกลมาก ซึ่งต้องตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดในพื้นที่
+ อ่านเพิ่มเติม