จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์เรื่อง "ความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อยในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตชั้นปีที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560 (ฉบับที่ 3)" หลังมีข่าวว่าจุฬาฯ ออกคำสั่งตัดคะแนนความประพฤตินิสิตทั้ง 5 รายที่เกี่ยวข้องกับดราม่าในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตใหม่ คนละ 25 คะแนน ซึ่งทำให้เกิดคำสั่งอีกฉบับตามมา คือคำสั่งที่ปลดนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และเพื่อนรวม 5 คนออกจากการเป็นสมาชิกสามัญของสภานิสิตจุฬาฯ เนื่องจากขาดคุณสมบัติเพราะถูกตัดคะแนนความประพฤติเกินเกณฑ์ที่กำหนด
แถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความ ดังนี้
"สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อยในพิธีถวายสัตย์ฯของนิสิตชั้นปีที่หนึ่งเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2560 ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีกระบวนการดำเนินการทั้งในส่วนของอาจารย์และนิสิตที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ตามที่ได้นำเสนอข้อมูลให้สาธารณชนรับทราบผ่านสื่อของมหาวิทยาลัยเป็นระยะแล้วนั้น
โดยปกติมหาวิทยาลัยจะไม่เปิดเผยการลงโทษนิสิต หากแต่ขณะนี้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มหาวิทยาลัยจึงมีความจำเป็นต้องสื่อสารกับสาธารณะถึงกรณีดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ในกรณีนี้ คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิตในการประชุมครั้งที่ 5/2560 เมื่อวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2560 พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของนิสิตทั้ง 8 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อยดังกล่าว เป็นการกระทำความผิดวินัยนิสิต เนื่องจากนิสิตทั้ง 8 รายซึ่งเป็นตัวแทนสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมิได้ประพฤติปฏิบัติตัวตามบทบาทหน้าที่ที่พึงจะเป็น โดยทั้งๆ ที่ทราบอยู่แล้วว่า ตนมีทัศนะที่ไม่ตรงกับขนบธรรมเนียมประเพณีของมหาวิทยาลัยในการถวายสักการะและถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อแสดงตนเป็นนิสิตใหม่ และมหาวิทยาลัยซึ่งตระหนักถึงเสรีภาพทางความคิดของนิสิตได้จัดพื้นที่พิเศษสำหรับนิสิตกลุ่มนี้ไว้แล้ว นิสิตก็ยังแสดงความจำนงเข้าร่วมพิธีในฐานะสภานิสิต แต่ไม่ยืนอยู่ในแถวตามที่ผู้เป็นผู้แทนสภานิสิตพึงกระทำจนกว่าพิธีการจะเสร็จสิ้นเรียบร้อย กลับนัดหมายกันเดินออกจากแถวเพื่อไปทำความเคารพพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ด้วยการโค้งคำนับเพื่อให้แตกต่างและปรากฏภาพที่ขัดแย้งกับนิสิตคนอื่นที่เข้าร่วมถวายสักการะด้วยการถวายบังคม จนนำไปสู่เหตุการณ์ความไม่เรียบร้อยส่งผลทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อมหาวิทยาลัย อีกทั้งนิสิตยังได้เผยแพร่ข้อมูลที่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างให้เรื่องราวที่ดูเสมือนความขัดแย้งนี้เป็นประเด็นในสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อชื่อเสียงมหาวิทยาลัยและสะท้อนถึงการไม่เคารพต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นที่มีทัศนะแตกต่างจากตน โดยเฉพาะของประชาคมทั้งนิสิต บุคลากร และนิสิตเก่าอื่นๆ ที่ให้คุณค่าและมีศรัทธาต่อพิธีถวายบังคมเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระผู้พระราชทานกำเนิดและพระผู้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัย และพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนอันเป็นที่หล่อหลอมนิสิตใหม่เข้าสู่การเป็นสมาชิกใหม่ตามประเพณีและขนบธรรมเนียมของมหาวิทยาลัย จึงเสนอมหาวิทยาลัยให้ลงโทษนิสิตทั้ง 8 รายด้วยการตัดคะแนนความประพฤติ
อนึ่ง ในส่วนของการสอบสวนและประมวลข้อเท็จจริงในส่วนของอาจารย์ ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน แต่ยังขาดผลการให้ข้อเท็จจริงในส่วนของนิสิตที่เกี่ยวข้องซึ่งไม่ว่างมาให้ข้อเท็จจริง แต่ได้นัดหมายจะมาในวันที่ 4 กันยายน ที่จะถึงนี้ จึงคาดว่าน่าจะสามารถสรุปผลได้ในเวลาอันใกล้"
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเลือกตัดคะแนนเป็นจำนวน 25 คะแนน จะส่งผลโดยตรงให้นายเนติวิทย์พร้อมเพื่อนรวม 5 คนต้องพ้นสภาพการเป็นสมาชิกสามัญของสภานิสิต รวมถึงไม่สามารถกลับมาสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกของสภานิสิต รวมถึงองค์การบริหารสโมสรนิสิตได้อีก เนื่องจากขาดคุณสมบัติด้านคะแนนความประพฤติ
ซึ่งประเด็นนี้ จุฬาฯ ไม่ได้ชี้แจงผ่านแถลงการณ์ว่าทางมหาวิทยาลัยใช้หลักเกณฑ์ใดในการพิจารณาให้ตัดคะแนนออกเป็นจำนวน 25 คะแนน ซึ่งนายเนติวิทย์ระบุผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า โดยปกติแล้วคดีชกต่อยกันจะมีการตัดคะแนนเพียง 5 คะแนนเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม