นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ที่ให้มีการปรับขึ้นค่ารถโดยสารประจำทาง ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ทั้งระบบว่า ปัจจุบัน ขสมก.มีต้นทุนการบริหารจัดการสูงกว่าการจัดหารายได้ เนื่องจากขสมก.ต้องดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องมีรถเมล์ฟรี จึงทำให้มีอุปสรรคในการเพิ่มรายได้ ดังนั้นในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 รัฐบาลจะให้บัตรประจำตัวสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายด้านค่าเดินทางของประชาชนที่มีรายได้น้อยลง จึงทำให้ ขสมก. มีแนวคิดที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารทั้งระบบได้
ทั้งนี้ มองว่าหากมีการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารแล้วจะทำให้ผลการดำเนินงานของ ขสมก.กลับมาเป็นบวก จากปัจจุบันที่ขาดทุนและมีหนี้สะสมสูงถึง 100,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะมีการจัดซื้อจัดจ้างรถเมล์ใหม่มาใช้งานเพื่อลดค่าซ่อมบำรุง ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของ ขสมก.ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าหากปรับขึ้นราคาค่าโดยสารแล้ว การบริการของขสมก.จะดีขึ้นด้วย เพราะจะมีการนำเครื่องจัดเก็บค่าโดยสาร หรือ E-ticket มาใช้ โดยจะติดตั้งจำนวน 800 คัน ในเดือนตุลาคมนี้ และ 2,600 คันในเดือนมกราคม 2561 ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่ใช้ ขสมก.มีความสะดวกในการใช้บริการมากขึ้น
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุถึงการพัฒนาการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ ทั้ง Taxi OK และ Taxi VIP นั้น เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรการความปลอดภัยของการใช้รถโดยสารสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งโครงการสถานีรถโดยสารระบบดิจิทัล และการปฎิรูปรถขสมก.ทั้งระบบ และการจัดระเบียบรถสาธารณะที่สนามบินทุกแห่ง เชื่อว่าจะทำให้การให้บริการกับประชาชนมีคุณภาพและลดปัญหาการร้องเรียนลงได้ ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาการให้บริการด้านการต่อทะเบียน ต่อภาษี ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Drive Thru For Tax สำหรับสำนักงานขนส่งทั่วประเทศ โดยจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปีหน้าเป็นต้นไป
+ อ่านเพิ่มเติม