หม้ายขันหมาก! เจ้าสาวขึ้นโรงพักแจ้งความเจ้าบ่าวหนี พบเคยก่อเหตุมาก่อน
logo ข่าวอัพเดท

หม้ายขันหมาก! เจ้าสาวขึ้นโรงพักแจ้งความเจ้าบ่าวหนี พบเคยก่อเหตุมาก่อน

35,076 ครั้ง
|
03 ส.ค. 2560
      เมื่อเวลา 10.30 น. นางสาวเอ (นามสมมุติ) ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.หนองขาหย่าง เพื่อแจ้งความว่า เจ้าบ่าวอายุ 40 ปี เบี้ยวขันหมาก
 
     โดยนางสาวเอ กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 2 ส.ค. ก่อนวันงานนายชัชวาลย์ยังช่วยเตรียมงานจนดึก โดยไม่มีทีท่าว่าจะเกิดเรื่อง และเพิ่งออกจากบ้านไปเมื่อตอนตี 5 โดยบอกแค่ว่าจะกลับไปบ้านเพื่อไปตามโต๊ะจีนที่จะมาจัดเลี้ยง โดยได้ขับรถของตนออกไป จากนั้นได้มีเจ้าของร้านสตูดิโอขับรถมาคืนที่บ้านตน แต่ตัวเจ้าบ่าวไม่ได้มาด้วย กระทั่งถึงเวลาเข้าพิธี เจ้าบ่าวและญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวไม่มีใครเดินทางมา ตนพยายามติดต่อทั้งทางโทรศัพท์ ทางไลน์ และเฟสบุ๊ค ก็ไม่สามารถติดต่อได้ แขกเหลื่อที่เชิญมาก็มากันเต็มไปหมด จนเวลาล่วงเลยไปจึงได้เปลี่ยนเป็นจัดพิธีทำบุญบ้านและเลี้ยงแขกไป
 
     ตนรู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิต เพราะต้องทำให้พ่อแม่ผิดหวัง และยังทำให้เสียชื่อเสียและสร้างความอับอายแก่ครอบครอบ ส่วนตัวเองก็เหมือนถูกทำลายชีวิต โดยเฉพาะทำให้เสียชื่อเสียง เนื่องจากตนเองเป็นถึงข้าราชการแต่ต้องกับต้องมาถูกหลอกลวง ส่วนเจ้าบ่าวตนก็คบหากันมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ก็ไม่มีทีท่าว่าจะโดนหลอกลวงแต่อย่างไร โดยเป็นคนที่พูดแล้วมีความน่าเชื่อถือ และตนยังยอมใช้หนีสินให้กับฝ่ายชายไปบ้างส่วนเพราะความรัก จนกระทั่งมีความมั่นใจในความรักที่มีต่อกันจึงตัดสินใจจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ก่อนจะจัดงานแต่งงานโดยฝ่ายชายเป็นผู้ผิดชอบทุกอย่าง ตั้งแต่การถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง การจัดพิธีเช้า การเลี้ยงฉลองสมรสในตอนเย็น และสินสอดในพิธีมงคลสมรส ซึ่งมีการตกลงเป็นเงิน 2 แสนบาท แหวน 1 วง และทองรูปพรรณอีกจำนวนหนึ่ง 
 
     ส่วนที่มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันถึงแม้จะเอาในทางอาญาไม่ได้ เพราะต้องการเป็นหลักฐานว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการจัดงานในครั้งนี้ เพราะฝ่ายชายเป็นผู้จัดงานเองทุกอย่าง และต้องการให้ฝ่ายชายมาดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และได้มาขอขมาในสิ่งที่ทำไปกับพ่อแม่ของตนเอง ส่วนการที่จะมาร่วมใช้ชีวิตกัยภายหลังนั้นตนเองยอมรับไม่ได้ โดยจะไม่ขอใช้ชีวิตร่วมกันจนวันตาย เพราะทำลายชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น และขออย่าไปหลอกลวงใครอีก 
 
     ส่วนของนายวิรัตน์ ทั่งถิ่น เจ้าของร้านวิรัตน์ชัตเตอร์ ซึ่งเป็นผู้รับจัดงาน บอกว่า งานดังกล่าวคิดมูลค่ากว่า 2 แสนบาท ซึ่งตนก็พอรู้อยู่บ้างว่าฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคนอย่างไร และเคยกระทำแบบนี้มาแล้ว แต่ในเมื่อครั้งนี้มาติดต่องานและพาเจ้าสาวมาด้วยและยังเป็นข้าราชการอีกคงไม่ถูกหลอก จึงตกลงจัดงานให้โดยไม่ได้มีค่ามัดจำใดๆทั้งสิ้น เพราะเชื่อถือในตัวเจ้าสาว แต่เมื่อเป็นการหลอกลวงก็มีความเห็นใจเจ้าสาว เพราะเจ้าสาวไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ตนเองลงทุนจัดงานไปก็อยากจะได้ทุนกลับคืนมาบ้าง โดยที่จะไม่มีการแจ้งความเอาผิดในฐานช่อโกงแต่อย่างใด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง