นอกจากคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวแล้ว คดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องเผชิญ มีอีกนับ 10 คดี ที่ยังต้องต่อสู้คดีต่อ
ซึ่งคดีที่อยู่ในชั้นศาลมีอยู่ 2 คดี ได้แก่ คดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว, คดีที่ กกต. ฟ้องแพ่ง ไม่ยอมระงับการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 จนเกิดความเสียหาย การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
ส่วนคดีในชั้น ป.ป.ช. ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ไต่สวน มีอีกอย่างน้อย 11 คดี อาทิ คดีจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมืองเอื้อพวกพ้อง เกิดความเสียหาย 1,921 ล้านบาท ซึ่งจะมีความชัดเจนในเดือนกันยายนนี้, คดีออกพาสปอร์ตให้ นายทักษิณ ชินวัตร โดยมิชอบ, คดีออกพ.ร.ก.กู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท โดยมิชอบ, คดีออกแบบระบบบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ, คดีใช้อำนาจโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยมิชอบ, คดีอนุมัติร่างกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว, คดีบริหารจัดการน้ำผิดพลาด เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยในปี 2554, คดีประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. โดยมิชอบ, คดีไม่ยอมรับข้อเสนอ ป.ป.ช.ให้หน่วยงานรัฐเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น
และในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ หากศาลพิพากษาว่าอดีตนายกรัฐมนตรีมีความผิดจริง นอกจากจะต้องโทษตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตด้วย เพราะตามมาตรา 98(10) ของรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดเกี่ยวกับการทุจริต ฉ้อโกงประชาชน หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การพนัน จะต้องขาดคุณสมบัติการลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. และตำแหน่งทางการเมืองอื่นตลอดชีวิต
+ อ่านเพิ่มเติม