นายวิศิษฐ์ วิศิษฐ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยกรณีที่มีข่าวการปรับเพิ่มโทษกรณีตบตีทำร้ายร่างกาย ในพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาว่าเป็นการปรับเพิ่มโทษปรับ 10 เท่า แต่ยังคงโทษจำคุกไว้เท่าเดิม โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแนะนำให้ปรับเพิ่มโทษให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเงินปัจจุบัน
เช่น กฎหมายเดิมกรณีตบตีทำร้ายร่างกายนั้นบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2520 ทำให้ไม่มีผลยับยั้งการกระทำของประชาชนในปัจจุบันได้ จึงทยอยแก้ไขให้มีความเหมาะสมมาตั้งแต่ปี 2558 โดยพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาฉบับล่าสุดเป็นฉบับที่ 26 เพิ่งประกาศใช้ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.ท.นาถนริศ รัตนบุรี สารวัตรป้องกันและปราบปราม สน.บางซื่อ เผยรายละเอียดการปรับแก้โทษทางอาญาที่น่าสนใจ อาทิ
คดีทะเลาะกันอย่างอื้ออึงหรือทำให้เสียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณะหรือสาธารณสถาน เช่น ทะเลาะโวยวายหรือเมากร่าง ตามมาตรา 372
- โทษใหม่ เพิ่มเป็น "ปรับ 5,000 บาท"
- จากเดิมแค่ "ปรับ 500 บาท"
คดีใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามมาตรา 391
- โทษใหม่ "จำคุก 1 เดือนหรือปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
- จากเดิม "จำคุก 1 เดือนหรือปรับ 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
คดีทำอนาจารบุคคลอายุมากกว่า 15 ปีด้วยการขู่เข็ญ หรือประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ตามมาตรา 278
- โทษใหม่ "จำคุก 10 ปี หรือปรับ 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
- จากเดิม "จำคุก 10 ปี ปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
นอกจากนี้ยังมี การปรับหลักเกณฑ์ความผิดลหุโทษ จากเดิมเป็นความผิดซึ่งต้องระวางโทษ "จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" ให้เป็น "จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
ซึ่งปลัดกระทรวงยุติธรรมมองว่า สื่อโซเชียลและสื่อออนไลน์ต่างมีส่วนช่วยให้ประชาชนเข้าใจกฎหมายและระมัดระวังมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้ประชาชนเข้าถึงกฎหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่มีใครอยากทำผิด เมื่อมีการปรับโทษให้สูงขึ้นแล้ว ก็ขอเตือนให้คิดก่อนทำ อย่าทำผิดเพราะคิดว่าเป็นความผิดเล็กน้อย
+ อ่านเพิ่มเติม