กรมป่าไม้ดำเนินคดีสองบริษัทรุกป่าบนเกาะสมุย เหลือ 5 แปลงรอพิสูจน์เอกสาร หากผิดจับแน่
logo ข่าวอัพเดท

กรมป่าไม้ดำเนินคดีสองบริษัทรุกป่าบนเกาะสมุย เหลือ 5 แปลงรอพิสูจน์เอกสาร หากผิดจับแน่

ข่าวอัพเดท : กรมป่าไม้แจ้งความเอาผิดกับบริษัทสองแห่งในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่า หลังบินสำรวจที่ดิน 7 แปลงต้องสงสัยบนเกาะสมุยและตรวจพบมีความผิดชัดเจน กรมป่าไม้,เกาะสมุย,บุกรุกป่า

4,759 ครั้ง
|
12 ก.ค. 2560
กรมป่าไม้แจ้งความเอาผิดกับบริษัทสองแห่งในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่า หลังบินสำรวจที่ดิน 7 แปลงต้องสงสัยบนเกาะสมุยและตรวจพบมีความผิดชัดเจน 2 แปลง ขณะที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานที่ดิน เพื่อชงให้ DSI เข้าตรวจสอบ พร้อมส่งเรื่องกรมป่าไม้เป็นผู้เสียหายแจ้งความต่อหลังตรวจสอบในขั้นต่อไป
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกองทัพภาคที่ 4 ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ชุดพยัคฆ์ไพร หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 6 จังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะสมุย และที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานีสาขาเกาะสมุย เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าและจัดระเบียบสังคมบนพื้นที่เกาะสมุย โดยวางกรอบระยะไว้เวลา 45 วันเพื่อบังคับใช้กฏหมายกับผู้ที่บุกรุกที่ดินป่าต้นน้ำบนเกาะสมุยด้วยการบุกรุกแผ้วถางป่า เพื่อสร้างที่อยู่อาศัย รีสอร์ท และบ้านพักตากอากาศบนที่ดินที่เอกสารสิทธิ์ไม่ถูกต้องทั้งเกาะสมุย โดยเริ่มตรวจสอบในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย จำนวน 7 แปลง และพบความผิดไปแล้วก่อนหน้านี้
 
ล่าสุดนายสมคิด เจียวก๊ก หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 6 จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานสาขาเกาะสมุยได้นำผู้สื่อข่าวตรวจดูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก พร้อมเปิดเผยว่าจากการตรวจสอบจากภาพมุมสูง, ระบบดาวเทียม และจากการลงพื้นที่จริง พบว่ามีบริษัทใหญ่สองแห่งที่เข้าครอบครองที่ดิน 2 แปลง จำนวน 22 ไร่ ด้วยการบุกรุกแผ้วถางทำลายป่าต้นน้ำเพื่อทำการก่อสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศ และเมื่อตรวจเอกสารครอบครองพบว่าเป็นเอกสารครอบครอง พทบ.5 มีแต่ใบชำระเสียภาษีบำรุงพื้นที่เท่านั้น จึงมีความผิดตามมาตรา 54 ของพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 อธิบดีกรมป่าไม้ จึงได้มอบอำนาจให้นายสมคิดเป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาผิดกับทั้งสองบริษัทดังกล่าวแล้วในข้อหาแผ้วถางก่อสร้างในพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเจ้าของที่ครอบครองนั้นอยู่ในกรุงเทพมหานครและเป็นคนไทย
 
ทั้งนี้นายสมคิดยังเปิดเผยอีกว่า นอกจากที่ดิน 2 แปลงที่ดำเนินคดีไปแล้ว ยังเหลือที่ดินอีก 5 แปลงรอให้ผู้ครอบครองนำเอกสารมาแสดงเพื่่อทำการตรวจสอบ หากไม่มีเอกสารมาแสดงก็จะทำการดำเนินคดีทันที ขณะเดียวกันแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ขีดเส้นตายให้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดในห้วงระยะเวลา 45 วัน ดังนั้นในระยะเวลาที่เหลือทางกรมป่าไม้ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่มาเสริมเป็นชุดปราบปรามพิเศษภาคใต้จำนวนสามชุด เพื่อปฎิบัติหน้าที่ทำการตรวจสอบให้ทันเวลาที่กำหนดด้วย
 
(ภาพจากมติชน)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง