เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พ.อ.เพิ่มศักดิ์ ขุนโขลน รอง ผอ.กอ.รมน. (ฝ่ายความมั่นคง) จ.สระบุรี พร้อมด้วยนายธีรทัศน์ มีแดง ประมงจังหวัดสระบุรี นำเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และทหารจาก มณฑลทหารบกที่ 18 สระบุรี เข้าตรวจสอบหลังรับแจ้งจากเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง ในแม่น้ำป่าสักท้องที่ หมู่ 2 และ หมู่ 4 ต.ศาลารีไทย อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ที่ได้รับการเดือดร้อนจากปลาทับทิมที่เลี้ยงไว้ ลอยคอ และหงายท้องตายเป็นแพ จนไม่สามารถตักเก็บปลาที่ตายแล้วและกำลังจะตายขึ้นจากกระชังได้ทัน
โดยเจ้าหน้าที่ทหารให้ช่วยกันใช้สวิงตักปลาจากกระชังใส่ตะกร้าพลาสติกแบกขึ้นบ่ามากองไว้ริมตลิ่ง มีบางรายนำมาเก็บไว้ในอ่างคอนกรีตขนาดใหญ่ใช้น้ำแข็งโปะกันปลาเน่าเพื่อรอให้ลูกค้ามาซื้อในราคาถูก และส่วนหนึ่งแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านไปปรุงอาหารฟรี มีบางส่วนเก็บไม่ทัน ปลาเน่าจำเป็นต้องขุดหลุมฝังดิน
นางวิมล จันทร์มา อายุ 54 ปี หนึ่งในเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ได้รับความเสียหาย เปิดเผยว่า ตนกับลูกชายลงทุนเลี้ยงปลาในกระชังไว้จำนวน 20 กระชัง กระชังละ 1,500 ตัว ปลาที่ตายมีน้ำหนักประมาณ 2 ตัว/ 1 ก.ก. อีก 2 เดือนก็จะสามารถจับขายได้แล้ว โดยพบการผิดปกติเมื่อเช้ามืดวันนี้ เพราะปลาทับทิมที่เลี้ยงไว้เริ่มลอยหัวผุดจากใต้น้ำอ้าปากเพื่อหาออกซิเจนหายใจ และเริ่มทยอยกันตายลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถตักเก็บได้ทัน จึงร้องขอความช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่ทหารมาช่วย
ด้านนายธีรทัศน์ มีแดง ประมงจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่า เพิ่งได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ประมงอำเภอเสาไห้ในช่วงบ่าย จึงรีบนำเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยพัฒนาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำลงพื้นที่ตรวจสอบ พบมีปลาในกระชังในพื้นที่ หมู่ 2 และหมู่ 4 ต.ศาลารีไทย อ.เสาไห้ ได้รับความเสียหายจำนวน 6 ราย ( 26 กระชัง) น้ำหนักปลาที่ตายประมาณ 13 ตัน มูลค่าความเสียหาย 8-9 แสนบาท เบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่จัดเก็บน้ำผิวดินในแม่น้ำป่าสักที่มีความลึก 6 เมตร 20 เซนติเมตร และน้ำ (ผิวน้ำ) ไปเข้าแล็ปตรวจวิเคราะห์ทางวิชาการ คาดว่าวันที่ 20 มิ.ย.จะทราบผล
ส่วนสาเหตุคาดว่า เพราะก่อนหน้านี้มีฝนตกหนักทำให้คุณภาพน้ำในแม่น้ำป่าสักขุ่น น้ำมีสีแดง มีตะกอน อาจทำให้ค่าออกซิเจนในน้ำน้อย อย่างไรก็ตามคงต้องรอผลจากการตรวจวิเคราะห์น้ำที่นำไปตรวจอีกครั้งหนึ่ง
+ อ่านเพิ่มเติม