กาตาร์พยายามเสนอการเปิดเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกจากวิกฤติการตัดความสัมพันธ์จากชาติตะวันออกกลาง ขณะที่ซาอุดิอาระเบียยื่นเงื่อนไข "หยุดสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย-หยุดครอบครองสื่อ-หยุดแทรกแซงกิจการภายในต่างประเทศ" เพื่อกลับมาสานสัมพันธ์กันใหม่ ขณะซีเอ็นเอ็นตีข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเริ่มกล่าวหารัสเซียอยู่เบื้องหลังแฮกเว็บกาตาร์จนเป็นปัจจัยให้ชาติตะวันออกกลางตัดสัมพันธ์
ความคืบหน้าการเมืองโลกและตะวันออกกลาง หลังชาติตะวันออกกลาง 6 ชาติประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ ล่าสุด ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน อัล ธานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า กาตาร์เต็มใจนั่งโต๊ะเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหาและย้ำว่ากาตาร์ส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง
"กาตาร์ไม่ใช่ชาติมหาอำนาจและไม่เชื่อว่าการเผชิญหน้าจะสามารถแก้ปัญหาได้" รมว.ต่างประเทศกาตาร์กล่าว พร้อมทั้งระบุว่ากาตาร์พยายามต่อสู้เพื่อสกัดกั้นเงินทุนที่ใช้ในการก่อการร้ายและปกป้องโลกจากผู้ก่อการร้าย
ขณะที่นายอาเดล อัล-จูเบีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดิอาระเบียยื่นเงื่อนไขว่า กาตาร์จะต้องยุติการสนับสนุนกลุ่มฮามาส ยุติการสนับสนุนกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ยุติการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย หยุดการครอบครองสื่อ และยุติการแทรกแซงกิจการภายในของต่างประเทศ จึงจะสามารถฟื้นคืนความสัมพันธ์กับชาติอื่นๆในตะวันออกกลางได้ต่อไป อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธที่จะระบุว่าต้องการให้กาตาร์เปลี่ยนนโยบายในทันที แต่เขาระบุว่ามาตรการของชาติอาหรับ ทั้งการตัดช่องทางการขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศจะทำให้กาตาร์ต้องหันมาพิจารณาเรื่องนี้
"ไม่มีชาติใดในตะวันออกกลางต้องการรังแกกาตาร์ มันถึงเวลาต้องเลือกว่าเราจะเดินไปทางไหน เราก้าวเดินครั้งนี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่งเพื่อให้เข้าใจว่านโยบายของกาตาร์นั้นไม่ยั่งยืนและต้องมีการเปลี่ยนแปลง" นายอาเดลระบุ
ขณะเดียวกันสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของสหรัฐฯ กล่าวหาเจ้าหน้าที่รัสเซียว่าอาจอยู่เบื้องหลังการแฮกเว็บไซต์ของสำนักข่าวอัลจาซีราพร้อมทั้งใส่ข้อความในเชิงสนับสนุนอิหร่าน จนเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำมาสู่วิกฤติความสัมพันธ์ในประเทศตะวันออกกลาง
รายงานข่าวชิ้นนี้ยังระบุต่อไปว่า รัสเซียมีเป้าหมายสร้างความแตกแยกระหว่างสหรัฐฯและพันธมิตร ซึ่งมีการสร้างข่าวปลอมมาตั้งแต่การเลือกตั้งในฝรั่งเศส เยอรมัน และประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ทั้งสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) และหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ (CIA) ต่างปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อรายงานข่าวชิ้นนี้ ขณะที่โฆษกของสถานทูตกาตาร์ในสหรัฐฯ ระบุเพียงว่าการสอบสวนกำลังดำเนินการและผลการสอบสวนจะเผยแพร่ในเร็ววันนี้
+ อ่านเพิ่มเติม