หนุ่มใหญ่วัย 38 ปี ก่อเหตุสลด! ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่เพื่อนบ้านที่กำลังใส่บาตรพระอยู่หน้าบ้าน เสียชีวิต 1 บาดเจ็บสาหัส 3 คน โดยไม่รู้สาเหตุก่อนหลบหนีไป เพื่อนบ้านเผยเคยมีตำรวจมาตรวจค้นบ้านผู้ก่อเหตุหลังโพสต์รูปปืนเอ็ม 16 ลงเฟซบุ๊ก
เหตุเกิดเช้าตรู่วันที่ 14 มี.ค. ที่บ้านกระเพอสะกวม หมู่ 17 ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ บริเวณหน้าบ้านใกล้ศาลพระภูมิพบผู้เสียชีวิต 1 คน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 3 นัด คือ นายสายน้อย พวงยี่สุ่น อายุประมาณ 40 ปี และ ถูกยิงอาการสาหัส อีก 3 คน ชื่อ นายอานุภาพ พวงยี่สุ่น เป็นบุตรชายของผู้เสียชีวิต และผู้หญิงอีก 2 คน ญาติๆช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลสุรินทร์
จาการสอบสวน ทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายเดชา หรือ เทือง คงชูดี อายุ 38 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านตรงข้ามกับบ้านที่เกิดเหตุ โดยหลังก่อเหตุได้นำอาวุธปืนไปเก็บไว้ในห้องนอนก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนตกอยู่ 5 ปลอก จากนั้นเข้าตรวจสอบในบ้านของผู้ก่อเหตุภายในห้องนอนพบอาวุธปืน เอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ซองบรรจุกระสุน ระเบิดควัน 1 ลูก เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว พร้อมซองบรรจุกระสุนปืนเอ็ม 16 อีก 2 ซอง ขาตั้งเต็นท์สนาม 1 ชุด
ส่วนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เหตุเกิดขณะที่ชาวบ้านกำลังใส่บาตรพระสงฆ์ 2 รูป คนร้ายที่พักอาศัยอยู่บ้านตรงข้ามกับชาวบ้านที่ใส่บาตร ได้นำปืนเอ็ม 16 ออกมากราดยิงใส่คนที่กำลังใส่บาตร และบางส่วนเดินอยู่หน้าบ้าน ทำให้มีผู้เสียและบาดเจ็บหลายคน รวมทั้งพระด้วย ซึ่งเมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงปืนและเห็นมีคนถูกยิงต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดและหาที่หลบกระสุน ส่วนคนก่อเหตุนั้นปกติเป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ดูขรึมๆเหมือนมีอาการทางประสาท ซึ่งเป็นคนจากหมู่บ้านอื่นที่มาแต่งงานกับคนในหมู่บ้านนี้ และ เคยถูกตำรวจกองปราบปรามมาตรวจสอบที่บ้านหลังเคยถ่ายรูปปืนเอ็ม 16 โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่เมื่อตำรวจมาตรวจสอบกลับหาปืนกระบอกดังกล่าวไม่พบ
ด้านภรรยาผู้ก่อเหตุวัย 23 ปี บอกว่า สามีเป็นคนเงียบ ไม่สุงสิงกับใครในหมู่บ้าน ชอบเก็บตัว ก่อนลงมือก่อเหตุไม่มีอะไรผิดปกติ โดยขณะตนเองกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวได้ยินเสียงปืน เมื่อออกมาดู สามีได้หลบหนีไปแล้ว ซึ่งสามีไม่ได้โกรธแค้น หรือทะเลาะกับใครในหมู่บ้านเพราะเป็นเครือญาติกันหมด
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมวิทยุประสานงานไปยังสถานีตำรวจภูธรพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี
+ อ่านเพิ่มเติม