บรรยากาศที่ท้องสนามหลวงซึ่งวันนี้มีพิธีบวงสรวง และยกเสาเอก พระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เมื่อเวลา 10:01 น. ซึ่งเป็นมหัทธโนฤกษ์ หมายถึงฤกษ์ใหญ่ จึงได้เริ่มการยกเสาเอกพระเมรุมาศ มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี โดยได้ทำพิธีจุดธูปเทียนบูชาเครื่องบวงสรวง และเจิมเสาเอก ซึ่งเสาเอก มีน้ำหนักประมาณ 19 ตัน ที่มีความสูง 21.90 เมตร ซึ่งการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และปลอดภัย โดยมีเครน 2 ตัว ประคองที่บริเวณหัวเสา และโคนเสา ที่ยกมาตั้งบนฐานราก หรือ ซุปเปอร์ทรัส ซึ่งเครนทั้งสองตัวนี้ รับน้ำหนักได้ถึง 200 ตัน หรือ 20 เท่าของเสา
ขณะที่ระดับความสูงตั้งแต่ฐานราก จนถึงยอดเสา มีความสูง 23.50 เมตร โดยภายหลังจากการยกเสาเอกเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่ใช้น็อต 89 ตัวยึดที่เสาแต่ละต้น และหลังจากนี้ จะมีการยกเสาอีก 3 ต้นที่เหลือต่อไป
พลเอกประยุทธ์ กล่าวภายหลังพิธีว่า อยากให้สังคมรับรู้ว่าไทยมีวัฒนธรรมที่งดงาม มีจารีตประเพณี และอัตลักษณ์ ทุกคนต่างภูมิใจ และร่วมมือร่วมใจกันทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินมหาภูมิพลอดุลยเดช และดีใจที่ทราบว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมนี้
โดยการจัดสร้างพระเมรุมาศสำหรับถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราช เป็นราชประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยรูปแบบของพระเมรุมาศ จะเปรียบเสมือนทิพยวิมาน ที่ประดิษฐานอยู่เหนือยอดเขาพระสุเมรุ ที่เปรียบเสมือนกับศูนย์กลางของจักรวาล ตามคติความเชื่อไตรภูมิพระร่วง ในศาสนาพราหมณ์ และพระพุทธศาสนา ดังนั้นการจัดสร้างพระเมรุมาศ จะต้องให้มีปราณีต งดงาม สมพระเกียรติให้มากที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม