คณะบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยืนยันไม่สามารถให้ทางญาตินำสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณกลับไปทำพิธีบำเพ็ญกุศลศพที่วัดบ้านไร่ได้ เพราะต้องทำตามพินัยกรรมเท่านั้น
ตามที่ นางคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ อายุ 91 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.1 บ.บัวชุม ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี น้องสาวของพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชีมา พร้อมด้วย นายบุญเทิด วงษ์กาญจนรัตน์ อายุ 59 ปี หลานชายของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และคณะญาติพี่น้อง ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ รวมทั้งกรรมการบริหารวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อให้มีการพิจารณานำสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณปริสุทโธ กลับไปทำพิธีบำเพ็ญกุศลศพที่วัดบ้านไร่ หลังครบกำหนดการเป็นครูใหญ่ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. เมื่อวานนี้
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายโมงที่ผ่านมา รศ นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณะบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับมอบหมายจากคณบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ติดราชการอยู่ต่างประเทศให้ชี้แจงถึงเรื่องนี้ โดย รศ.นพ.ชาญชัย ยืนยันว่าไม่สามารถให้ทางญาติพี่น้อง รวมทั้งศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อคูณ นำสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณกลับไปทำการฌาปนกิจที่วัดบ้านไร่ได้ เพราะจะเป็นการทำผิดพินัยกรรมที่ทางหลวงพ่อคูณได้ทำไว้ เป็นการทำผิดกฎหมายมีโทษทางอาญา เนื่องจากตามพินัยกรรมข้อ 3 หลวงพ่อคูณได้ระบุไว้ชัดว่า “การจัดพิธีบำเพ็ญกุศล เมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มข.แล้ว ให้จัดโดยเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ และห้ามมิให้ขอพระราชทานเพลิงศพ โกฏิและหรือพระราชทานพิธีอื่น ๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ โดยให้คณะแพทย์ศาสตร์ มข.กระทำเช่นเดียวกับการจัดพิธีศพของอาจารย์ใหญ่นักศึกษาแพทย์ประจำปีร่วมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่น แล้วเผา ณ ฌาปนสถานวัดหนองแวง พระอารามหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หรือวัดอื่นใดที่คณะแพทย์ศาสตร์เห็นสมควรและเหมาะสม โดยทำพิธีเผาให้เสร็จสิ้นที่จังหวัด
ส่วนพินัยกรรมข้อ 4 ยังระบุด้วยว่า "เมื่อดำเนินการตามข้อ 3 เสร็จสิ้นแล้ว อัฐิ เถ้าถ่านและเศษอังคารทั้งหมดให้คณะแพทย์ศาสตร์ มข.นำไปลอยที่แม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม"
ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น จะกระทำนอกเหนือพินัยกรรมไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายและมีความผิดถูกฟ้องร้องในภายหลังได้ โดย รศ.นพ.ชาญชัย ยังได้เปิดเผยอีกว่า หนังสือขอสรีระสังขารหลวงพ่อคูณเพื่อไปจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพที่วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมาฉบับนี้ถือเป็นฉบับที่ 2 โดยฉบับแรกได้ส่งมาถึงเมื่องช่วงเดือนมกราคม ปี 2559 ซึ่งในครั้งนั้นได้ลงนามโดยเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ซึ่งตนก็เข้าใจในความรู้สึกของญาติพี่น้อง และศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อคูณที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมาดี แต่ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็มีความจำเป็นต้องทำตามพินัยกรรม ซึ่งเป็นความประสงค์ของหลวงพ่อคูณด้วยเช่นกัน
+ อ่านเพิ่มเติม