ตร.แจงไม่ได้กระชากผมนร.หญิงจนรถล้ม ชี้แค่ยกมือขวางเพื่อหยุดรถเหตุไม่สวมหมวก-ฝ่าไฟแดง
logo ข่าวอัพเดท

ตร.แจงไม่ได้กระชากผมนร.หญิงจนรถล้ม ชี้แค่ยกมือขวางเพื่อหยุดรถเหตุไม่สวมหมวก-ฝ่าไฟแดง

ข่าวอัพเดท : สว.จร.สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไม่ได้กระชากผมเด็กนักเรียนหญิง จนทำให้รถจักรยานยนต หาดใหญ่,สงขลา,ตำรวจ,กระชากผม,นักรียนหญิง,รถล้ม,บาดเจ็บ

18,125 ครั้ง
|
16 ม.ค. 2560
จากกรณีโลกโซเชียลแห่วิจารณ์คลิปวีดีโอและข้อความที่ชาวเน็ตคนหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวว่า ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา เกิดเหตุตำรวจจราจรเรียกนักเรียนหญิงที่ขี่จักรยานยนต์ซ้อน 3 ให้จอดรถ แต่คิดว่าเด็กจะหนีเลยกระชากผมจนรถล้ม ศีรษะนักเรียนหญิงฟาดกับเสาไฟฟ้าได้รับบาดเจ็บ นั้น 
 
ล่าสุด พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ จันทร์สว่าง สว.จร.สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไม่ได้กระชากผมเด็กนักเรียนหญิง จนทำให้รถจักรยานยนต์ล้ม ศีรษะกระแทกเสาไฟฟ้าได้รับบาดเจ็บ ในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.หาดใหญ่ ได้ตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะนั้นเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์ขับมา 2 คัน คันแรกเป็นนักเรียนชายซ้อนสอง ส่วนคันหลังเป็นนักเรียนหญิงซ้อนสาม ทั้งหมดไม่มีใครสวมหมวกกันน็อค และได้ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าไฟแดง 
 
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นจึงเรียกให้หยุดรถเพราะทำผิดกฎจราจร แต่รถจักรยานยนต์คันแรกสามารถหลบออกไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจคนในคลิปจึงเดินเข้าไปหารถจักรยานยนต์อีกคันที่มีเด็กนักเรียนหญิงซ้อนสามมา และยกมือเพื่อจะกันให้หยุดรถ แต่นักเรียนหญิงพยายามขับรถเบี่ยงหลบ เป็นจังหวะเดียวกับที่มือของตำรวจไปโดนนักเรียนหญิงที่ซ้อนท้าย ทำให้รถล้มลงและมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าปฐมพยาบาลช่วยเหลือนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ 
 
ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เข้าพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็ก ซึ่งเด็กนักเรียนหญิงก็ยอมรับว่าฝ่าไฟแดงจริง และผู้ปกครองก็ยอมรับในส่วนที่นักเรียนกระทำความผิด แต่ได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปรับปรุงเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ว่าถ้าเห็นว่าสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุก็ขอให้ปล่อยไป ซึ่งทางตำรวจก็จะนำมาปรับปรุงแก้ไข 
 
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนจะเชิญนักเรียนหญิงผู้เสียหายมาสอบปากคำ และดูว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด หากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกระทำเกินกว่าเหตุจริง ก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนทางวินัยหรือทางอาญา แต่ตอนนี้ผู้กำกับได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวหยุดปฎิบัติหน้าที่จราจรไว้ก่อนแล้ว เพื่อที่จะได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนต่อไป
 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง