ตร.ภูเก็ต เรียกชายในคลิปถีบเด็กปั๊มหลังฉุนให้ดับเครื่องเติมน้ำมันดำเนินคดี ขณะผู้ก่อเหตุยอมรับผิด ให้ค่าทำขวัญ 3 พัน

14,022 ครั้ง

11 พ.ย. 2559

แชร์ข่าวไปที่

จากกรณีโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า "นภัทร จันทรพสุ" ได้โพสต์คลิปกล้องวงจรปิดจำนวน 3 ไฟล์พร้อมข้อความ "รถยนต์ Honda ทะเบียนภูเก็ตป้ายประมูล คุณเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า พนักงานปั้มแจ้งคุณให้ดับเครื่องยนต์ตามกฎหมาย คุณไม่เต็มใจที่ปฎิบัติตาม แต่ยังวนรถกลับมาทำร้ายพนักงานแบบรอบกัด รังแกคนที่กำลังทำงานจากด้านหลัง มันสมควรที่จะยังใส่กางเกงอยู่มั้ย” จากนั้นได้มีผู้คนในโลกออนไลน์ที่เห็นคลิปดังกล่าว ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการประณามการกระทำของคนขับรถเก๋งป้ายประมูล โดยวันและเวลาเกิดเหตุที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้คือ วันที่ 10 พ.ย. เวลา 18.27 น. พร้อมระบุเหตุเกิดที่ปั้มน้ำมันชิโนเชลล์ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

หลังจากนั้นได้มีผู้ที่ใช้เฟซบุ๊ก ระบุว่าเป็นคนที่ก่อเหตุในคลิป ได้โพสต์ว่า "จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมต้องขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องและต้องขอโทษน้องเขาด้วย เหตุการณ์เกิดจากวีดีโอที่ 1 ที่ผมจอดรถแล้วไม่ได้เติมน้ำมัน ผมไม่ได้แก้ตัวนะ แต่คือ ผมไม่ได้ยินที่น้องเขาพูดว่าให้ดับเครื่อง เพราะผมเปิดเพลงและอีกอย่างผมรอเขาเติมให้ แต่เขายืนเฉยๆ จนผมเปิดกระจกถามว่า ทำไมถึงไม่เติม น้องเขาก็บอกว่าผมไม่ยอมดับเครื่อง เลยไม่เติมให้ คือ ผมไม่ได้ยินก่อนหน้านั้น ซึ่งผมยอมรับคับว่าผมไม่ได้ดับเครื่องรถจริงๆ เพราะผมไม่ได้ยิน จนผมเข้าใจว่าน้องเขาไม่พอใจผม ผมเลยบอกให้เอาหัวจ่ายออก เนื่องจากผมเสียความรู้สึกมาก ผมยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นและได้ไปที่โรงพักท่าฉัตรไชย เพื่อพูดคุยกันแล้ว ผมได้ขอโทษน้องเขาไปแล้วต่อหน้าตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชยด้วยความรู้สึกผิดเมื่อตอนประมาณ 2 ทุ่มของวันเกิดเหตุที่โรงพักท่าฉัตรไชย ผมยอมรับผิดครับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องขอโทษน้องเขาอีกครั้งนะที่นี้"

ขณะที่ พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ ผกก.สภ. ท่าฉัตรไชย เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุและมีการแชร์ภาพในโลกออนไลน์ ตนได้ให้พนักงานสอบสวนเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย คือ นาย อุสมาน สะตาปอ อายุ 32 ปี ชาว จ.ยะลา ซึ่งเป็นเด็กปั๊มคนที่ถูกทำร้ายร่างกายตามคลิป และนายปริวรรต พลสมัคร อายุ 30 ภูเก็ต ผู้ก่อเหตุ โดยได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งทางนายอุสมานก็ไม่ต้องการเอาเรื่อง ส่วนนายปริวรรตก็ยอมรับผิดและขอโทษ ซึ่งผู้เสียหายได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลถลางตรวจจ่างกายพบว่าไม่ได้รับอันตรายแก่ร่างกายกายจึงแค่เรียกร้องค่าทำขวัญจากผู้ก่อเหตุ เป็นเงิน 3,000 บาทโดยไม่ติดใจเอาความ ซึ่งทางผู้ก่อเหตุก็ยินยอมจ่ายเงินค่าทำขวัญ

แต่เนื่องจากพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุเป็นความผิดฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เนื่องจากทางผู้เสียหายยินยอมให้เปรียบเทียบในชั้นสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเปรียบเทียบปรับผู้ก่อเหตุเป็นเงิน 1,000 บาท ทั้งนี้เพื่อให้คดีดังกล่าวเป็นคดีตัวอย่างให้กับสังคมไม่ให้บุคคลอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

แชร์ข่าวไปที่