ส่งแพทย์ รพ.ช้างไปญี่ปุ่นช่วยชีวิตลูกช้าง หลังแม่ช้างไม่ยอมรับ-ไม่ให้ดื่มนม
logo ข่าวอัพเดท

ส่งแพทย์ รพ.ช้างไปญี่ปุ่นช่วยชีวิตลูกช้าง หลังแม่ช้างไม่ยอมรับ-ไม่ให้ดื่มนม

26,746 ครั้ง
|
30 ต.ค. 2559
     ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางสาวโซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลช้างแห่งแรกของโลกที่ จ.ลำปาง และเลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้างว่า ขณะนี้นายแพทย์ปรีชา พวงคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ได้รับการประสานจากสวนสัตว์โตโยฮาชิ ประเทศญี่ปุ่น ขอให้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อช่วยดูแลแม่ช้างไทย ที่เดินทางไปอยู่นานแล้ว และได้ตกลูกเมื่อวันที่ 27 ต.ค. เป็นลูกชายพลาย เพศผู้ ชื่อ Kenji แปลว่า สุขภาพดี
 
      ซึ่งจากข้อมูลทีได้รับ มีความน่าเป็นห่วง คือ แม่ช้างหลังตกลูกช้างออกมาถุงน้ำที่ห่อหุ้มตัวลูกช้างได้เกิดแตกออกก่อน ซึ่งตามปกติจะห่อหุ้มก่อนมาแตกออกข้างนอก รวมถึงสายสะดือก็ขาดก่อนตกลูกด้วย ดังนั้น จึงห่วงเรื่องร่างกายของช้างน้อย ที่สำคัญแม่ช้างเมื่อตกลูกออกมาแล้ว กลับไม่ยอมรับลูกตัวเอง และพยายามจะทำร้ายทำให้ทางควาญช้าง จึงต้องยกลูกช้างออกห่าง เพราะลูกช้างตอนตกลูกออกมา ยังยืน และเดินไม่ได้ แต่หลังเวลาผ่านไปนานกว่า 10 ชั่วโมง ลูกช้างก็ลุกขึ้นยืน และเดินเองได้แล้ว ส่วนนมก็ไม่สามารถกินนมแม่ได้ตามปกติ เพราะแม่ช้างไม่ยอมให้เข้าใกล้
 
     อย่างไรก็ตาม ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง ซึ่งเป็นสัตว์แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาช้างไทย ที่เดินทางไปดูแลเห็นควรว่า เมื่อแม่ช้างไม่ยอมรับลูกตัวเอง จึงมีความจำเป็นต้องดูแลลูกช้างอย่างใกล้ชิด และจะต้องย้ายลูกช้างไปอยู่ในความดูแลของควาญช้างชาวไทยที่อยู่สวนสัตว์อิชิฮารา เพราะจะต้องใช้ควาญช้างที่มีความรู้ในการดูแลเป็นอย่างดี เนื่องจากควาญช้างที่สวนสัตว์โตโยฮาชิ เป็นชาวญี่ปุ่นไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ ซึ่งเมื่อย้ายลูกช้างออกมาก็ต้องดูแลให้ดีภายในโรงเลี้ยง และต้องใช้นมแพะ เพื่อทำการป้อนให้ลูกช้างกิน แต่ก็ถือว่าน่าห่วงเพราะลูกช้างไม่ได้กินนมแม่ อาจจะทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงในอนาคตได้ จึงต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิด
 
     แม่ช้างที่ตกลูกออกมานั้น ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง จ.ลำปาง ที่เดินทางไป ก็ต้องช่วยดูแลอาการด้วยเช่นกัน เพราะขณะตกลูกออกมา แม่ช้างเสียเลือดไปมาก ซึ่งแม่ช้างเชือกนี้ ก็มีประวัติที่ไม่แข็งแรงมากนัก ทำให้ทางผู้อำนวยการฯ ต้องอยู่ดูแลทั้งแม่ช้าง และลูกช้างไปอีกสักระยะ