ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจุฬาพร กรธนทรัพย์ ประธานคณะกรรมการสหกรณ์เกษตรอินทรีย์แทนรัก จำกัด จังหวัดยโสธร พร้อมคณะกรรมการดำเนินงานและสมาชิก ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายลักษณ์ วจนนานวัชร ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ผ่าน นายไพศาล แสนคุ้ม ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดยโสธร (ธ.ก.ส.) กรณี สหกรณ์เกษตรอินทรีย์ไม่มีเงินรับซื้อผลผลิตข้าวอินทรีย์ของสมาชิกในจังหวัดยโสธร ฤดูกาลผลิต ปี 59/60 ที่จะเก็บเกี่ยว ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เนื่องจาก ธ.ก.ส. ได้ปฏิเสธการสนับสนุนสินเชื่อตามนโยบายรัฐบาล หลังจากยื่นขอกู้ระยะเวลายาวนานร่วม 2 ปี คาดทำความเสียหายแก่เกษตรกรกว่า 1,000 ราย ข้าว 5,000 ตัน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยนางจุฬาพร กล่าวทั้งน้ำตาขณะประชุมชี้แจงขอความเห็นใจจากผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ธกส. โดยนายไพศาล แสนคุ้ม ผอ.ธกส.สาขายโสธร กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่ปล่อยกู้ เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีนโยบายปล่อยกู้ให้กับทางกลุ่มสหกรณ์
หลังการประชุม นางจุฬาพร กล่าวว่า สหกรณ์เกษตรอินทรีย์แทนรัก จำกัด เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเกษตรกรที่ผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล ที่ต้องการขยายพื้นที่การผลิตเกษตรอินทรีย์ เพื่อสนองต่อนโยบายของ คสช. รัฐบาล และนโยบายของจังหวัดยโสธร ตามที่พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ได้จัดทำ MOU ร่วมกัน ในการสนับสนุนการผลิตข้าวอินทรีย์ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร โดยกำหนดให้จังหวัดยโสธรเป็นเมืองต้นแบบเกษตรอินทรีย์ของประเทศ
จากสถานการณ์ดังกล่าวสหกรณ์ฯ ประสบปัญหาในการดำเนินการรับซื้อผลิตผลข้าวอินทรีย์ฤดูกาลผลิตปี 58/59 จำนวน 2,000 ตัน จึงทำให้สมาชิกต้องนำข้าวไปขายในราคาข้าวทั่วไป ทำให้สมาชิกเสียหายเป็นจำนวนกว่า 16 ล้านบาท จากการปฏิเสธสินเชื่อ สหกรณ์ฯ กำลังจะประสบปัญหาในการดำเนินการรับซื้อผลิตผลข้าวอินทรีย์ฤดูกาลผลิตใหม่ 59/60 จากสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่ได้ทำข้อตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวอินทรีย์ล่วงหน้าไว้แล้ว จำนวน 1,000 ราย ปริมาณผลผลิต 5,000 ตัน เงินกว่า 100 ล้านบาท จึงต้องการให้ คสช.และรัฐบาลลงมาแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน ก่อนที่จะเสียหายมากว่านี้
+ อ่านเพิ่มเติม