จากกรณีที่มีกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนถึงกรณีที่ได้มาเที่ยวล่องแพที่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี โดยเดินทางมากัน 19 คนและเช่าแพพักหนึ่งหลังล่องออกไปค้างคืนที่เกาะกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ โดยทางผู้ประกอบการได้ลากแพมาจอดทิ้งไว้และกลับออกไป ก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้แพในช่วงหัวค่ำ ทำให้นักศึกษาทั้ง 19 คน ต้องพยายามหนีเอาตัวรอด โดยการกระโดดน้ำหนีและพยายามปีนขึ้นไปบนเกาะที่อยู่ใกล้ เป็นเหตุให้มีนักศึกษาได้รับบาดเจ็บไปหลายคน โดยกลุ่มนักศึกษาอ้างว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าของแพได้มีการพูดคุยห้ามไม่ให้ไปแจ้งความและบอกกับผู้สื่อข่าวหรือนำเรื่องราวไปโพสต์อินเตอร์เน็ท แต่ทางเจ้าของแพกลับไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเรียกร้องค่าเสียหายที่แพถูกไฟไหม้จากกลุ่มนักศึกษาเป็นจำนวน 600,000 บาท อีกทั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมีการพูดคุยเกลี้ยกล่อมให้ทางกลุ่มนักศึกษาช่วยกันเฉลี่ยเงินเพื่อชดใช้กับทางเจ้าของแพ ทำให้ทางกลุ่มนักศึกษารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงตัดสินใจร้องเรียนกับสื่อมวลชน ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดในเรื่องนี้ ทางร้อยตำรวจเอกอนุสรณ์ สุดโต รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรศรีสวัสดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบแพที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว เพื่อเก็บพยานหลักฐานและต้นเพลิง เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ โดยขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างรอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหากับใครแต่อย่างใด ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเกลี้ยกล่อมให้ทางกลุ่มนักศึกษาเฉลี่ยเงินกัน เพื่อชดใช้ให้กับเจ้าของแพนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยที่ตนพูดไปนั้น ก็เป็นการทำหน้าที่ในการเป็นสื่อกลางระหว่างกลุ่มเจ้าของแพกับกลุ่มนักศึกษาเพื่อหาทางออกร่วมกันเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะข่มขู่หรือบีบบังคับให้ทางกลุ่มนักศึกษาต้องชดใช้เงินให้กับทางเจ้าของแพแต่อย่างใด และขอยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน
ขณะที่ นายอนุสรณ์ ผลอุดม อายุ 29 ปี เจ้าของแพที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้นำคณะสื่อมวลชนไปดูสภาพของแพที่ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง ซึ่งยังคงจอดอยู่ที่บริเวณเกาะกลางอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุเหมือนเดิม โดยทางเจ้าของแพยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีการพูดห้ามไม่ให้กลุ่มนักศึกษาแจ้งความหรือโพสต์เรื่องราวดังกล่าวในอินเทอร์เน็ท ตามที่กลุ่มนักศึกษากล่าวอ้างแต่อย่างใด อีกทั้ง หลังทราบว่าเกิดเหตุ ตนพร้อมลูกน้องยังได้ไปดูแลนักศึกษาทั้งหมดที่จุดเกิดเหตุ พร้อมหาอาหารและหาที่พัก ดูแลเป็นอย่างดี ไม่ได้มีการพูดจาข่มขู่บังคับให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตามที่ถูกกล่าวอ้างแน่นอน
ขณะที่ในส่วนของสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้นั้น ตนก็มั่นใจว่าไม่ได้มาจากเรื่องของสภาพแพแน่นอน เนื่องจากแพหลังดังกล่าว เป็นแพที่มีอายุการใช้งานเพียงไม่กี่ปีและมีการติดตั้งระบบเบรกเกอร์ตัดไฟเมื่อเกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้องทันที ดังนั้น การที่กระแสไฟฟ้าขัดข้องจะเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้ จึงไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ตนมั่นใจว่าน่าจะมาจากการที่กลุ่มนักศึกษาทำบางอย่างที่น่าจะก่อให้เกิดเปลวไฟที่บริเวณชั้นสองของแพ ซึ่งเป็นจุดต้นเพลิง อย่างไรก็ตาม ตนก็อยากจะขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนด้วย เพราะตนไม่ได้ข่มขู่หรือกระทำการใดๆตามที่กลุ่มนักศึกษากล่าวอ้างอย่างแน่นอนและพร้อมที่จะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงจนถึงที่สุด
+ อ่านเพิ่มเติม