จากกรณี น.ส.พลอยณัชชา ศิริภักดีจิรานนท์ อายุ 26 ปี หรือน้องพลอย นักศึกษาปริญญาโทมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ว่าได้เข้ามาทำศัลยกรรมตัดมุมกรามที่ใบหน้ากับทางโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และแพทย์ผู้ทำศัลยกรรมเสริมความงามให้ ในข้อหาประมาททำให้ได้รับอันตรายสาหัส เพราะได้ไปตัดมุมกรามจัดด้านในปาก และยุบโหนกแก้ม ที่โรงพยาบาลดังกล่าว ในราคา 189,580 บาท แต่กลับมีอาการปากเบี้ยว กระดูกแก้มไม่เชื่อมต่อกัน แถมยังมีแผลไหม้จนเกรียมที่ใต้คางทั้งซ้ายขวา ซึ่งในตอนแรกแพทย์บอกว่าสามารถรักษาได้ ไม่ต้องกังวล และจะไม่เก็บเงิน แต่ในตอนหลังได้บอกว่าการรักษาจำเป็นต้องเก็บเงินแล้ว ทำให้ผู้เสียหายย้ายโรงพยาบาล และได้ทำการสแกนใบหน้าพบว่าต้องทำการร้อยไหมและดึงหน้าให้ตึงเพื่อไม่ให้แก้มตกทุก 6 เดือน ตลอดชีวิต ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 15,000 บาท จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะขณะนี้เธอกลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจและไม่สามารถรับงานถ่ายแบบ หรือถ่ายโฆษณาได้ เพราะเวลาพูดจะไม่ชัดและมีน้ำลายไหลยืด ทำให้ขาดรายได้ที่ควรจะหาได้ จึงอยากขอความเป็นธรรมและความเห็นใจในเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. นางพิศพรรณ ศรีไชยยันต์ ผู้บริหาร ร.พ.เลอลักษณ์ พร้อมด้วยทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวต่อกรณีดังกล่าว โดยมีการเตรียมเอกสารหลักฐานและรูปถ่ายก่อนทำศัลยกรรมและหลังมาให้ดู
นางพิศพรรณ กล่าวว่า ในวันนี้ที่ต้องมาแถลงข่าวเพื่อจะขอความเป็นธรรมให้กับทางโรงพยาบาล เพราะข่าวที่นำเสนออกไปนั้นไม่เป็นความจริงทั้งหมด ซึ่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2556 น.ส.พลอยณัชชาได้เข้ามาติดต่อที่โรงพยาบาลเพื่อที่ขอทำศัลยกรรมความงามโดยการตัดกรามและตัดโหนกแก้ม แต่ระหว่างทำการศัลยกรรมนั้นได้เกิดอุบัติเหตุทางการแพทย์จนทำให้บริเวณริมฝีปากซ้ายจนถึงปลายค้างเกิดแผลพุผองจากความร้อน ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ยอมรับผิดในเรื่องดังกล่าวที่เกิดจากอุบัติเหตุและได้ทำศัลยกรรมตกแต่งให้กับ น.ส.พลอยณัชชามาตลอดจนแทบจะเหมือนปรกติ นอกจากนี้ยังได้ทำศัลยกรรมในเรื่องอื่นๆที่ น.ส.พลอยณัชชาต้องการอีกเป็นกรณีพิเศษโดยไม่ได้คิดเงินอีกกว่า 500,000 บาท เพื่อแสดงความรับผิดชอบ โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาน.ส.พลอยณัชชาก็ไม่เคยแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่ามีอาการผิดปรกติจากการทำศัลกรรมจนทำให้ปากเบี้ยวแต่อย่างใด
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.พลอยณัชชาได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับนำเอกสารมายื่นกับทางโรงพยาบาลว่า จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับทางโรงพยาบาลเป็นจำนวนเงินถึง 11 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากเกินความเป็นจริงและไม่สมเหตุผล จึงไม่ได้ทำตามข้อเรียกร้องแต่อย่างใด กระทั่ง น.ส.พลอยณัชชาจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนขอยืนยันว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้ทอดทิ้งคนไข้แต่อย่างใด ส่วนในเรื่องของคดีความนั้นทางโรงพยาบาลก็พร้อมที่เข้าไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและจะไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ น.ส.พลอยณัชชาที่ทำให้โรงพยาบาลเสียชื่อเสียง ส่วนเรื่องของค่าเสียหายนั้นก็ขอให้เป็นหน้าที่ของทางกฎหมายเป็นฝ่ายตัดสินซึ่งทางโรงพยาบาลพร้อมจะปฎิบัติตาม
+ อ่านเพิ่มเติม