แม่ร้องลูกสาวถูกครูปาแก้วเซรามิคใส่จนหน้าเบี้ยว เสียโฉม ร.ร.ยอมจ่ายแค่ 8 หมื่น ครูไม่รับผิดชอบ
logo ข่าวอัพเดท

แม่ร้องลูกสาวถูกครูปาแก้วเซรามิคใส่จนหน้าเบี้ยว เสียโฉม ร.ร.ยอมจ่ายแค่ 8 หมื่น ครูไม่รับผิดชอบ

ข่าวอัพเดท : แม่ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 9 ต.บ้านใหม่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา นำตัวลูกสาว น้องทราย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 เข้ นครราชสีมา,โรงเรียน,แม่,ลูกสาว,ครู,ปาแก้ว,ปาถ้วย,ทำร้าย,หน้าเบี้ยว,เสียโฉม

8,438 ครั้ง
|
13 ก.ย. 2559
ข่าวอัพเดท : แม่ร้องลูกสาวถูกครูปาแก้วเซรามิคใส่
 
 
แม่ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 9 ต.บ้านใหม่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา นำตัวลูกสาว น้องทราย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 เข้าร้องเรียนกับสื่อ หลังถูกครูพละศึกษาปาถ้วยแก้วเซรามิคใส่ที่ใบหน้าบริเวณคิ้วด้านซ้ายจนเส้นประสาทเสีย ใบหน้าเบี้ยว เสียโฉม และตาซ้ายปิดไม่สนิท เมื่อไปแจ้งความเรื่องก็เงียบสนิท  
 
ทั้งนี้ น้องทราย ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่กำลังเรียนวิชาพละศึกษา โดยครูผู้ก่อเหตุได้สั่งให้นั่งเข้าแถว แต่จุดที่ตนนั่งนั้นมีแสงแดดส่องและร้อนมากจึงลุกยืนขึ้น และครูคนดังกล่าวได้แสดงความไม่พอใจโดยการปาแก้วน้ำเซรามิคขนาดใหญ่ใส่เข้าที่หัวคิ้วข้างซ้ายของตนจนเป็นแผลปูดบวม และบอกว่า "กูกะจะโยนให้โดนหัวมึงให้แตก" ทั้งนี้เมื่อกลับบ้านไปตนก็ไม่ได้บอกผู้ปกครอง กระทั่งเมื่ออาบน้ำพบว่าขณะแปลงฟันน้ำที่อยู่ในปากไหลออกมาทางขอบปากคล้ายปากปิดไม่สนิท จึงส่องกระจกดูพบว่าปากของตนเบี้ยวไปทางมุมด้านขวาจนผิดรูปร่าง และเวลานอนตาด้านซ้ายก็ปิดไม่สนิท จึงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่  และวันต่อมาได้เดินทางไปแจ้งความ และขอบันทึกประจำวันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ตำรวจไม่ยอมให้ถ่ายสำเนา อ้างว่ากลัวตนจะเอาไปโพสต์ในโลกโซเชียล ซึ่งอาจจะทำให้เสียรูปคดีได้ 
 
ด้าน แม่ของน้องทราย เล่าต่อว่า หลังเกิดเหตุได้พาลูกสาวไปพบผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนได้เจรจาว่าจะรักษาลูกจนกว่าจะหาย จึงได้พาลูกไปเข้ารับการรักษาที่ รพ.ใน จ.นครราชสีมา หลายแห่ง แต่ก็ไม่หายเพราะเส้นประสาทส่วน 7 บวม เนื่องจากได้รับความกระทบกระเทือน จึงพาไปรักษาที่ รพ.รามาฯ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท แต่เมื่อไปพูดคุยกับผอ.โรงเรียนเรื่องค่ารักษาอีกครั้ง ทางโรงเรียนกับยอมจ่ายเพียง 80,000 บาท และให้ไปรักษาเอาเอง โดยบอกว่าถ้าไม่รับเงินก้อนนี้ก็ให้ไปฟ้องเอา ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ครูผู้ก่อเหตุก็ไม่เคยสนใจ หรือโทรมาพูดคุยขอโทษในสิ่งที่ทำเลยสักครั้ง อีกทั้งเรื่องคดีความก็เงียบหาย ตนไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร นอกจากมาร้องเรียนให้สื่อมวลชนช่วยเสนอข่าว และขอให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตนและลูกสาวด้วย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง