เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.บุญธรรม วรรณรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน สภ.หัวหิน ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมอำพรางศพด้วยการผูกคอในหอพักแห่งหนึ่งในชุมชนตาลเดี่ยว อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผู้ต้องหามี 2 คน ได้แก่ นางสาวกชกร ชาวชัยนาท อายุ 19 ปี อีกรายเป็นเยาวชน ชื่อ นายต้าร์ (นามสมมุติ) ชาว จ.นครปฐม โดยได้ร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม นางสาวโสดาพันธ์ คำศิลป์ อายุ 36 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ก.ค. โดยได้มีญาติของผู้เสียชีวิตจำนวนมากมายืนดูการแถลงข่าวด้วยน้ำตานองหน้า
พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหัวหิน เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนผูกคอตายภายในหอพัก เมื่อเวลา 16.40 น.ของวันที่ 24ก.ค. สอบสวนผู้ดูแลหอพัก ซึ่งเป็นผู้เปิดประตูห้องพักของนางสาวโสดาพันธ์ ผู้เสียชีวิต บอกว่าหลังจากคนสวนของหอพักพบกุญแจห้องผู้ตายตกอยู่ จึงโทรศัพท์ไปหาเจ้าของห้องพักแต่ไม่มีคนรับสาย จึงได้นำกุญแจไปเปิดห้อง ก็พบว่า นางสาวโสดาพันธ์ ได้เสียชีวิตในสภาพใช้ผ้าปูที่นอนผูกคอกับราวภายในห้องน้ำ ทั้งนี้ผู้ดูแลหอพักให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้วยว่า พบเหตุผู้ตายครั้งสุดท้ายในช่วงกลางคืน ขณะเดินขึ้นหอพักพร้อมกับนางสาวกชกร และนายต้าร์ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบพิรุธหลายอย่าง ทั้งการเดินเข้าออกห้องพักผู้เสียชีวิตหลายครั้ง มีการสูบบุหรี่ด้วยเสียหน้าเคร่งเครียด และขณะเดินออกจากหอพักโดยที่ไม่มีผู้ตายเดินออกมาด้วย จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง2 รายมาสอบสวน ขณะกำลังกบดานที่ จ.นครปฐม ก่อนที่จะยอมรับสารภาพในที่สุด
นางสาวกชกร ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนและผู้เสียชีวิต คบหาในฐานะแฟน มาได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ตนไม่ได้มีใคร คบกับผู้ตายเพียงคนเดียวและผู้ตายเป็นคนมาจีบตนก่อน ตนไม่เคยหลอกว่าเป็นทอม ส่วนแฟนใหม่ที่เป็นผู้ชายนั้น ตนเพิ่งมาคบหลังบอกเลิกกับผู้ตายได้ไม่นาน โดยในวันเกิดเหตุตนตั้งใจมาเคลียร์ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับผู้ตาย โดยพาแฟนใหม่มาด้วยเพื่อยืนยันว่ามีคนใหม่แล้วเพราะกลัวผู้ตายไม่เชื่อ ไม่ได้ตั้งใจมาฆ่า รวมทั้งต้องการเคลียร์ปัญหาหนี้สินที่ตนหยิบยืมจากผู้ตายกว่า 7หมื่นบาทไปใช้รักษาตัวเพราะไม่สบายด้วย โดยจะผ่อนชำระให้เป็นงวดๆละ 10,000 ถึง 15,000 บาท ตนไม่ได้จะมาขอเงินอีกเพราะเลิกกันแล้ว
แต่ระหว่างเจรจา เกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน และตนเกิดโมโหที่ผู้ตายขึ้นเสียงใส่ตน ทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบใช้หมอนปิดหน้าผู้ตายบนเตียงนอน แล้วแฟนใหม่ก็มาช่วยจับขาผู้ตายไว้ จนผู้ตายแน่นิ่งไป ตนพยายามจะปลุกแต่ผู้ตายไม่ตื่นขึ้นมา ทำให้คิดว่าเสียชีวิตแล้ว ตนกับแฟนใหม่จึงใช้ผ้าปูที่นอน มาผูกกับราวในห้องน้ำแล้วอุ้มร่างของผู้ตายมาแขวนไว้ ทำทีว่า นางสาวโสดาพันธ์ผูกคอตายเอง แล้วรีบออกจากหอพัก โดยทิ้งกุญแจห้องไว้ที่สวน ก่อนออกมาเรียกรถรับแจ้งหน้าหอพัก ให้พาไปส่งที่ห้องพักแห่งหนึ่งใน อ.หัวหิน โดยที่ตนได้หยิบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายติดมือมาด้วย เพื่อจะลบข้อมูลที่มีการติดต่อกันระหว่างตนกับผู้ตาย แต่เพราะตนไม่มีเงินติดตัว จึงได้ให้โทรศัพท์มือถือของผู้ตายเป็นค่ารถไป จากนั้นตอนเช้าได้รีบหนีขึ้นรถไฟไปกบดานที่บ้านพักใน จ.นครปฐม ก่อนถูกตำรวจตามจับได้ในที่สุด
ทางด้านญาติของผู้ตาย ให้ข้อมูลด้วยว่า ผู้ตายเป็นคนดีชอบทำบุญมาก ต้องเลี้ยงลูก1คน แต่เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาตนเห็นผู้ตายรับโทรศัพท์ของนางสาวกชกร แต่มีปากเสียงทะเลาะกันตลอดเวลา โดยในช่วงดึกของคืนเกิดเหตุ พบว่าเฟซบุ๊คของผู้ตายมีการโพสต์ภาพ คล้ายกับว่าผู้ตายโพสต์เอง ซึ่งไม่ใช่แต่เป็นฝีมือของผู้ต้องหาที่ต้องการอำพรางคดี และญาติไม่เชื่อว่า ผู้ต้องหาจะแค่ใช้หมอนปิดหน้าจนนางสาวโสดาพันธ์เสียชีวิต เพราะสภาพศพมีร่องรอยการถูกทำร้ายอย่างหนักทั้งตามร่างกายที่เขียวช้ำและที่ใบหน้า คล้ายการถูกจับหน้ากระแทกพื้น ทำให้ญาติไม่เชื่อตั้งแต่แรกว่าจะผูกคอตายเองและเชื่อว่าถูกฆาตกรรม โดยขณะนี้ยังไม่ได้เผาศพ ต้องการเก็บไว้เพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม อยากให้ผู้ต้องหาได้รับผลกรรมที่ทำไว้กับผู้ตาย
+ อ่านเพิ่มเติม