ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บึงบ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีพื้นที่กว่า 1,269 ไร่ ระยะทางยาวกว่า 8 กิโลเมตร น้ำเกิดเน่าเสียทำให้ปลานา ๆ ชนิด ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ ขาดออกซิเจนปรับสภาพไม่ทันน็อกตายไปแล้วกว่า 2 ตัน โดยพบว่ามีชาวบ้านกว่า 100 คน แห่กันมาใช้อุปกรณ์จับปลาชนิดต่าง ๆ มาจับปลาในบึง โดยใช้อุปกรณ์มีทั้ง แห ตาข่ายดักปลา ฉมวก ปืนลูกดอก ออกเดินไปหายิงปลา และจับปลาที่ลอยหัวขึ้นมาหายใจ ในพงหญ้าริมบึง บางรายใช้เรือลงไปในบึง เพื่อไปทอดแหกลางบึง โดยแต่ละคนได้ปลาชนิดต่าง ๆ มีทั้งปลา ยี่สก ปลาตะเพียน ปลาสวาย ปลาเค้า ปลากด ปลานิล แต่ละตัวน้ำหนักตั้งแต่ ครึ่งกิโลกรัม ไปจนถึง 10 กิโลกรัม หลังจากชาวบ้านได้ปลาต่างพากันนำไปขายให้กับพ่อค้า แม่ค้าในตลาดเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี กันอย่างคึกคักสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านจำนวนมาก
ทางด้านนายวิรัตน์ คำหอมกุล นายกเทศบาลตำบลบ้านโพธิ์ กล่าวว่า บึงบ้านโพธิ์แห่งนี้เป็นกักเก็บน้ำไว้ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ใช้การอุปโภคบริโภค ทำการเกษตร และผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน หลังจากที่มีฝนตกในพื้นที่ติดต่อกันหลายวันทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นประกอบกับทางชลประทานได้ปล่อยน้ำมาจากทางเหนือทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้ามาในบึงบ้านโพธิ์จำนวนมาก จนน้ำได้ท่วมต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่ในบึง ส่งผลให้ต้นหญ้าที่ขึ้นในบึง ในช่วงหน้าแล้งเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นจากนั้นเมื่อวันที่ 28 ก.ค. น้ำที่เน่าเสียได้ทะลักเข้าท่วมพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลบ้านโพธิ์ ซึ่งมีปลานานาชนิดจำนวนมากเกิดการน็อกน้ำตาย ชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างพากันมาจับไปขาย ซึ่งทางเทศบาลก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใดเพราะถ้าห้ามปลาก็ตายและเน่าเสีย โดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นจึงปล่อยให้ชาวบ้านจับปลากันอย่างอิสระ เพื่อจะได้นำไปขายมีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนไปได้บ้าง
โดยในเบื้องต้นทางเทศบาลบ้านโพธิ์ ได้สั่งสาร อีเอ็ม (EM) ประมาณ 100,000 ลิตร เพื่อนำมาปรับสภาพน้ำ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่เทศบาลติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำเพื่อเพิ่มอ๊อกซิเจนในน้ำ จะได้ช่วยลดการตายของปลา แต่เนื่องจากน้ำเน่าเสียมีปริมาณมาก ดังนั้นตนจึงได้เปิดประตูระบายน้ำเพื่อใช้ระบบน้ำดีมาไล่น้ำเสียมาช่วยอีกทางคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ สถานการณ์น้ำเน่าเสียปลาตายคงน่าจะดีขึ้น
+ อ่านเพิ่มเติม