ศพเด็กขวบครึ่งเหยื่อพ่อเลี้ยงทำร้ายยังเผาไม่ได้ หลังญาติค้านต้องการรับศพกลับไปฝังตามหลักศาสนาอิสลาม
logo ข่าวอัพเดท

ศพเด็กขวบครึ่งเหยื่อพ่อเลี้ยงทำร้ายยังเผาไม่ได้ หลังญาติค้านต้องการรับศพกลับไปฝังตามหลักศาสนาอิสลาม

52,564 ครั้ง
|
28 ก.ค. 2559
     ความคืบหน้ากรณี น้องพีพี อายุ 1 ขวบ 5 เดือน ที่ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ก.ค. และมีการตั้งศพบำเพ็ญกุศลวัดศรีสว่างวงศ์หรือวัดเกาะเสือ ในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งตามกำหนดจะมีพิธีฌาปณกิจในช่วงบ่ายของวันนี้
 
     แต่ปรากฏว่า เหตุการณ์ยังบานปลายไม่สามารถเผาศพน้องพีพีได้ เนื่องจากได้มีญาติของแม่ของน้องพีพี ได้เดินทางมาจากจ.นราธิวาส พร้อมกับตัวแทนของคณะกรรมการอิสลามประจำจ.สงขลา เพื่อคัดค้านไม่ให้เผาศพน้องพีพีเนื่องจากนับถือศาสนาอิสลามและต้องการที่จะรับศพกลับไปฝังตามหลักการของศาสนาอิสลาม
 
     โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันก็ไม่สามารถตกลงกันได้ต่างฝ่ายต่างอ้างความชอบธรรมในตัวของน้องพีพี และมีการโต้เถียงและโห่ร้องกันเป็นระยะ โดยฝ่ายแม่แท้ๆกับชาวบ้านที่ช่วยดูแลน้องพีพียืนกรานที่จะเผาเพราะแม่ยอมให้เผา และอ้างสิทธิการเลี้ยงดูน้องพีพีมาตั้งแต่เด็กๆ ในขณะอีกฝ่ายก็ยืนกรานตามหลักการศาสนาอิสลามว่าไม่สามารถเผาได้ ต้องฝังเพราะทั้งพ่อและแม่นับถือศาสนาอิสลาม รวมทั้งชื่อในทะเบียนบ้านก็ระบุนับถือศาสนาอิสลามชัดเจน ที่สำคัญยังไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อแท้ๆของน้องพีพีซึ่งต้องคดีและถูกส่งไปอยู่ที่ศูนย์บำบัดรักษายาเสพติด จ.สงขลา
 
     สุดท้าย พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผู้กำกับการ สภ.หาดใหญ่ ได้เชิญทั้งสองฝ่ายไปเจรจากันที่ สภ.หาดใหญ่เพื่อหาข้อยุติ แต่ก็ยังมีเกิดการโต้เถียงกันไปมาไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยุติปัญหาโดยระงับการเผาศพน้องพีพีออกไปก่อน และให้ทั้งสองฝ่ายสงบสติอารมณ์และนัดมาเจรจาหาทางออกกันอีกครั้งทั้งในทางกฏหมายและเรื่องของหลักการทางศาสนาอิสลาม สถานการณ์จึงคลี่คลายและต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป 
 
     ส่วนบรรยากาศที่วัดซึ่งได้มีการยกศพของน้องพีพีขึ้นไปไว้บนเมรุเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะเผา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปประสานกับพระให้ระงับการเผาและเก็บศพเอาไว้ที่วัดชั่วคราวก่อนที่ปัญหาทุกอย่างจะได้ข้อยุติ
 
     นายสุลกิบลี ดือราแม อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของแม่น้องพีพี บอกว่า ทางญาติไม่ได้ทอดทิ้งตามที่อีกฝ่ายอ้างและทราบเรื่องการเสียชีวิตของน้องพีพีแล้ว แต่โทรศัพท์สอบถามแม่ของน้องพีพี กลับบอกว่าได้นำศพของน้องพีพีไปฝังเรียบร้อยแล้วที่อ.สะเดา ซึ่งญาติผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อเป็นคนจัดการให้และได้ขอเงินมา2,000 บาทเพื่อดำเนินการเรื่องศพ แต่มาทราบอีกตอนที่มีการแชร์เรื่องราวของน้องพีพีผ่านสังคมออนไลน์ว่าถูกนำมาไว้ที่วัดและไม่มีแม้ค่าทำศพ ญาติทุกคนถึงกับงงและรีบเดินทางมาคัดค้านเพราะต้องการนำศพกลับไปฝังตามหลักศาสนาอิสลามเพราะน้องพีพีนับถือศาสนาอิสลามมาตั้งแต่เกิด เพียงแต่มาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันเท่านั้นไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงศาสนาได้ ซึ่งหลังจากนี้จะให้พ่อแท้ๆของน้องพีพีซึ่งต้องคดีอยู่ทำเรื่องคัดค้านการเผาผ่านทางคณะกรรมการอิสลามอีกทางหนึ่ง รวมทั้งหารือในทางข้อกฎหมายด้วยหากยังไม่ได้ข้อยุติและยืนยันที่จะนำศพกลับไปฝัง 
 
     ด้านนายอับดุลชูโกด ไหนเด รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจ.สงขลา ระบุว่า ในหลักการทางศาสนาน้องพีพีต้องนำกลับไปฝังเท่านั้น แม้ว่าแม่จะยอมให้เผาแต่ก็มาจากแรงกดดันจากหลายฝ่าย ที่สำคัญต้องถามความเห็นของพ่อแท้ๆด้วย ซึ่งเท่าที่ทราบก็ไม่ยอมให้เผาเช่นกัน ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งรวบรวมข้อมูลและเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะนำมายืนยันสิทธิ์ในตัวของน้องพีพีเพื่อที่จะนำกลับไปฝังตามหลักศาสนาอิสลาม
 
     ในขณะที่แม่ของน้องพีพียังอยู่ในอาการที่ร่ำให้ตลอดเวลา ไม่สามารถพูดอะไรได้แต่ยังยืนกรานว่าต้องการเผา ส่วน นางจำนง ดำขุนนุ้ย ซึ่งเคยเลี้ยงดูน้องพีพี บอกว่า ต้องการเผาศพน้องพีพีตามแบบศาสนาพุทธเนื่องจากช่วยกันเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กและแม่ก็ยอมให้เผา ที่สำคัญญาติอีกฝ่ายไม่เคยมาดูแลพอน้องพีพีเสียชีวิตลงก็จะมารับศพไปฝังตนก็ไม่ยอมเช่นกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง