นางกาบแก้วสาวชาวลาวอดีตสาวใช้นางไก่ ปฎิเสธไม่เคยขโมยเงินและทำงานไม่ได้เงินเดือน
logo ข่าวอัพเดท

นางกาบแก้วสาวชาวลาวอดีตสาวใช้นางไก่ ปฎิเสธไม่เคยขโมยเงินและทำงานไม่ได้เงินเดือน

8,709 ครั้ง
|
25 ก.ค. 2559
     นางสาวกาบแก้ว หญิงชาวลาวอดีตสาวใช้ ที่นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือหญิงไก่ แจ้งความในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง ประมาณ 5 ล้านบาท เมื่อปี 2555 และถูกออกหมายจับ ได้เดินทางด้วยเรือข้ามฝากแม่น้ำโขง ข้ามฝั่งจากเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว มายัง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยผ่านแดนเข้าออกตามกฎหมายไทย ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน เพื่อรอรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี และทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบคดี จึงอำนวยความสะดวกด้วยการให้พนักงานสอบสวนพร้อมผู้เกี่ยวข้องทำเรื่องประกันตัวให้ทันที จะได้ไม่ต้องหลบหนีหมายจับอีกต่อไป
 
     ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน ได้นำตัวนางกาบแก้ว รอเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีมาทำการสอบสวนและแจ้งข้อกล่างหาตามหมายจับ ที่สำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน
โดย นางสาวกาบแก้ว ได้เปิดเผยว่า ตนมีภูมิลำเนาเดิมเป็นชาวเมืองหลวงน้ำทา แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว และเมื่อตนอายุได้ราว 18  ปีได้รับการติดต่อจากให้เข้ามาทำงานทีประเทศไทยผ่านทางนครเวียงจันทร์และเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยทาง จังหวัดหนองคาย ซึ่งทางหญิงไก่บอกว่าจะให้เงินเดือนราว 2,000-8,000 บาท เพื่อทำงานรับใช้ที่บ้าน
 
     แต่ปรากฎว่าเมื่อเวลาผ่านกลับไม่ได้รับเงินตามนั้น โดยได้รับครั้งละ 500-1,000 บาทเท่านั้น ทำให้เมื่ออยู่ได้ราว 1 ปี และต้องออกไปต่อวีซ่าที่นครเวียงจันทร์โดยเดินทางไปพร้อมกับคนลาวด้วยกันก็ไม่กลับมาประเทศไทยอีก อย่างไรก็ตามอีกราว 1 เดือนต่อมาตนอยากกลับไปทำงานที่ประเทศไทยอีกจึงติดต่อไปยังหญิงไก่ ซึ่งหญิงไก่ก็ปลอบว่าที่ผ่านมาไม่เคยให้เงินจึงจะโอนเงินค่าเดินทางให้และให้ไปหาที่ จังหวัดหนองคาย ซึ่งตนก็ไม่โกรธและได้เดินทางไปหาด้วยดี แต่ปรากฎว่าเมื่อกลับเข้ามาที่ จังหวัดหนองคาย รอบใหม่ก็ได้รับแจ้งว่าตนจะถูกจับแล้วเพราะไปลักทรัพย์โดยมีการสอบถามว่าตนนำทรัพย์สินเหล่านั้นไปไว้ที่ไหนด้วย ทำให้ตนรู้สึกงงอย่างมากและถึงกับร้องไห้ออกมาเพราะไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน
 
     นางกาบแก้ว กล่าวต่อว่า ครั้งแรกหญิงไก่บอกตนว่าจะขอสัญชาติไทยให้ และถ้าได้พาสปอร์ตแล้วก็จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ ต่อมาเมื่อตนจะกลับไปอยู่ด้วยเป็นรอบที่ 2 กลับบอกว่าตนไปเอาทรัพย์สินไป และยังมีการข่มขู่ตนให้เลือก 2 แนวทางหากต้องการอยู่รอดคือให้ทำงานต่อไปหรืออีกทางเลือกคือต้องติดคุก ดังนั้นเมื่อตนทำงานอยู่ด้วยอีกเพียงแค่ราว 2 สัปดาห์ จึงถือโอกาสเดินทางกลับ สปป.ลาว และไปอยู่กับแฟนหนุ่มที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้าม อำเภอเชียงแสน จนถึงปัจจุบัน