ผบ.ทบ. สั่งย้าย สัสดี จ.ยะลา กลับต้นสังกัดหลังเกิดคลิปฉาว ยังไม่เผยผลสอบ ส่วนเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าเข้าแจ้งความแล้ว

3,225 ครั้ง

22 ก.ค. 2559

แชร์ข่าวไปที่

จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปของนายทหารซึ่งภายหลังมีการเปิดเผยชื่อ พันเอกขจรเดช สมิตะโยธิน ตำแหน่ง สัสดี จ.ยะลา มีการใช้วาจา ข่มขู่ แม่ค้าสาวร้านขายเสื้อกลางเมืองยะลา โดยคลิปดังกล่าวหลังมีการเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม ต่อมาพลโทวิวรรธน์ ปฐมภาคย์ มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ กองทัพภาค 4 นั้น

ล่าสุด มีรายงานว่า พลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีคำสั่ง เมื่อวันที่ 21 กค.59 เลขคำสั่งที่ ทบ.ที่318/2557 เรื่องให้นายทหารรับราชการ โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับ กห. ว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตำแหน่ง ข้าราชการกลาโหม พุทธศักราช 2502 หมวด 2 ข้อ 5 (2) และคำสั่ง ทบ.ที่ 318/2557 ลง 1 ตุลาคม 57 เรื่อง การกำหนดหน้าที่และการดำเนินงาน เอกสาร ในกองบัญชาการทหารบก ให้นายทหารรับราชการ จำนวน 1 นาย ดังบัญชีรายชื่อแนบท้าย

สำหรับการให้ได้รับ และงดรับเงินประจำตำแหน่ง และเงินค่าตอบแทน ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฏีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ การจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการ และผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ.2539 และระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน นอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการ และลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 21 กค.2559 ลงชื่อ พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.

โดยมีหนังสือแนบท้าย อ้างชื่อ พันเอกขจรเดช สมิตะโยธิน ตำแหน่ง สัสดี จ.ยะลา ไปประจำ นรด.( หน่วยรักษาดินแดน ) ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด โดยยังไม่ทราบผลสอบของการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกองทัพ และยังไม่ทราบการคาดโทษจากกรณีดังกล่าว เนื่องจากทางกองทัพยังไม่ได้ออกมาชี้แจงถึงการตั้งคณะกรรมการสอบ หลังมีการสั่งย้าย พันเอกขจรเดช สมิตะโยธิน ออกจากพื้นที่จังหวัดยะลาไปแล้ว

ขณะที่เมื่อเวลา 15.00 น. เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าดังกล่าว ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองยะลา เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับพันเอกขจรเดช ในข้อหาข่มขู่ พร้อมนำหลักฐาน เป็นคลิปวีดีโอดังกล่าวมามอบให้ด้วย ที่บันทึกได้มามอบให้กับพนักงานสอบสวนด้วย

โดย พ.ต.อ.ฉลอง เล็กน้อย ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองยะลา ได้แจ้งว่า จะดำเนินการเรียกพยานฝ่ายผู้เสียหายมาสอบให้ครบ ก่อนที่จะเรียกอีกฝ่ายมาสอบพยานเช่นกัน ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียม

แชร์ข่าวไปที่