เมื่อเวลา 17.30 น. พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ลงพื้นที่สภ.พล สอบปากคำ ร.ต.ท.สวาท จำปามูล อายุ 58 ปี รองสว.(ป.)สภ.พล จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพล ในข้อหา มียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย โดยเพื่อนตำรวจที่สนิทกับผู้ต้องหาพาเข้ามอบตัว
โดย พล.ต.ต.จิตรจรูญ เผยว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 ก.ค. เวลาประมาณ 12.00 น. ชุดสืบสวน สภ.พล ได้รับแจ้งจากสายลับว่า ร.ต.ท.สวาท จำปามูล รอง สว.(ป).สภ.พล มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต่อมา ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.พล ได้ให้สายลับติดต่อล่อซื้อยาบ้ากับ ร.ต.ท.สวาท จำนวน 20 เม็ด ราคา 5,000 บาท นัดส่งยาบ้ากันที่บ้านพักโดยนำธนบัตรฉบับละ 1,000 บาทจำนวน 5 ฉบับถ่ายเอกสารนำไปลงประจำวันไว้ ต่อมาสายลับได้นำเงินไปจ่ายให้กับ ร.ต.ท.สวาท ที่บ้านพัก และได้ยาบ้ามาเพียง 16 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่ใกล้บริเวณบ้านพัก จึงนำกำลังขอตรวจค้นในบ้าน แต่ รต.ท.สวาทไม่ยินยอม พร้อมกับถืออาวุธปืนออกมานอกบ้าน ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าภายในบ้านจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น กระทั่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาลจังหวัดพล เพื่อจับกุม ร.ต.ท.สวาท แต่ ร.ต.ท.สวาทชิงเข้ามอบตัวที่สภ.พล ซึ่งการมอบตัวไม่ได้ช่วยให้ความผิดน้อยลง เพราะข้าราชการ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น ถือเป็นความผิดร้ายแรง
จากการสอบสวน บอกว่าเป็นยาบ้าของใครไม่รู้ วางไว้ข้างทาง เมื่อมีคนมาขอซื้อยาบ้า จึงเอาเงินไปวางไว้แล้วหยิบยาบ้ามาให้คนที่ต้องการ โดยไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของยาบ้า สรุปว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ก็เป็นสิทธิ์ที่พึงกระทำได้ แต่ไม่พ้นผิด เพราะการถือเงินไปเอายาบ้ามา เท่ากับว่าไปซื้อยาบ้ามา เอามาขายต่อ โทษจึงให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งโทษทางวินัยของ ร.ต.ท.สวาท คือ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน และคัดค้านการประกันตัว ส่วนโทษทางคดีอาญานั้น อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ส่วนศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ก็แล้วแต่ศาลอีกเช่นกัน ซึ่งในวันที่ 21 กค.นี้ พนักงานสอบสวนจุควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งฟ้อง ฝากขังผลัดแรก 12 วันที่ศาลจังหวัดพล
ทางด้าน พ.ต.อ.ธีร์รัฐ ทิพยนนท์ ผกก.สภ.พล กล่าวว่า ร.ต.ท.สวาท ทำหน้าที่สิบเวร หน้าห้องควบคุมผู้ต้องหา ส่วนความประพฤติ และการกระทำความผิดนั้น เป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่ข้าราชการก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะมีความผิดร้ายแรง ดังนั้นการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไม่ได้กลั่นแกล้ง ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ยิ่งเป็นข้าราชการตำรวจ การจับกุมต้องมีหลักฐานชัดเจน ผิดก็ต้องรับโทษ ไม่มีการยกเว้น
+ อ่านเพิ่มเติม