จับ 2 พี่น้อง ปลอมลอตเตอรี่สุดเนียนหลอกขึ้นเงิน
logo ข่าวอัพเดท

จับ 2 พี่น้อง ปลอมลอตเตอรี่สุดเนียนหลอกขึ้นเงิน

53,971 ครั้ง
|
18 ก.ค. 2559

            เวลา 15.00 น. ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เข้าจับกุมนายอำนวย ฉายรังษี อายุ 50 ปี และนายนิวัฒน์ ฉายรังสี อายุ 50 ปี สองพี่น้องต่างมารดา หลังพ่อค้าแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแจ้งว่า ชายทั้งคู่นำสลากแก้ไขตัวเลขให้ถูกเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 10 คู่ มาหลอกขึ้นเงินว่าเป็นสลากที่ถูกรางวัล โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณตลาดประชานิเวศน์ 3 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี

            สอบถามพ่อค้าแม่ค้าผู้เสียหาย ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ขี่รถจักรยานยนต์ แต่งตัวภูมิฐานใส่สร้อยคอทองคำเส้นโต เข้ามาในตลาดแล้วตรงไปที่แผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของนายอำนวย เทพแสง อายุ 59 ปี พร้อมทั้งยื่นสลากถูกเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 5 คู่ หมายเลย 952925 โดยนายอำนวยตรวจสอบแล้วจึงจ่ายเงินให้กับทั้งสองคนเป็นเงิน 19,000 บาท จากนั้นนายนิวัฒน์ หนึ่งในผู้ต้องหาได้ควักล๊อตเตอรี่ถูกเลขท้าย 3 ตัว อีก 5 คู่ หมายเลข 302158 ออกมาให้นายอำนวย พร้อมทั้งบอกว่าเป็นของป้าฝากมาให้ขึ้นเงิน ตนเองจึงบอก น.ส.สำรวย มีปิ่น อายุ 47 ปี แม่ค้าล๊อดเตอรี่แผงติดกันให้ช่วยรับไว้

            เมื่อ น.ส.สำรวย ตรวจสอบลอตเตอรี่แล้วก็เตรียมเงิน 19,000 บาท เพื่อมอบให้กับนายนิวัฒน์ แต่เกิดเอะใจบอกให้นายอำนวยช่วยเอาน้ำยามาตรวจสอบตัวเลขเพื่อความสบายใจกันถูกปลอมแปลง เมื่อได้ยินดังนั้น 2 พี่น้องจึงรีบวิ่งขึ้นรถ จักรยานยนต์ขี่หลบหนีทันที โดยมีชาวบ้านช่วยกันขี่รถไล่ตาม ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่สายตรวจขับผ่านมา จึงควบคุมตัวทั้งสองคนไว้ได้ที่บริเวณกลางซอยสามัคคีมุ่งหน้าออกถนนติวานนท์ พร้อมเงินสดของกลางในกระเป๋ากางเกง

            สอบสวนนายนิวัฒน์ ฉายรังษี ผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง โดยตนเองจะนำสลากเลขท้าย 3 ตัว มาแก้ไขตัวเลขโดยขูดเลขที่ผิดและเป็นเลขใกล้เคียงกับเลขที่ถูก ก่อนตัดต่อแล้วแปะติดเข้าไปจนไม่มีร่องรอยให้เห็นหากไม่ใช้น้ำยาตรวจสอบ อย่างเช่นหมายเลขที่นำมาขึ้นเงินวันนี้เป็นหมายเลข 952025 ตนก็จะแก้เป็น 952925 โดยแก้ไขตัวเลขจาก 0 เป็น 9 ขณะที่อีกชุดสลากหมายเลข 302153 ตนก็จะแก้เป็น 302158 ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีลักษณะคล้ายกันเพื่อง่ายต่อการปลอมแปลง

             เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ คือ 1. ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ 2 .ใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม 3 .ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยตรวจสอบประวัติแล้วพบว่านายนิวัฒน์เคยก่อคดีในลักษณะนี้ที่จังหวัดนครสวรรค์ จนต้องโทษจำคุก 5 ปี และพ้นโทษมาปี 58 แต่ก็ยังไม่เข็ดมาก่อเหตุอีกจนถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว