พบหม่อมหลวงตกยากวัย 77 ปี อาศัยในบ้านเก่าใกล้พังกับสามีพิการ
logo ข่าวอัพเดท

พบหม่อมหลวงตกยากวัย 77 ปี อาศัยในบ้านเก่าใกล้พังกับสามีพิการ

40,942 ครั้ง
|
11 ก.ค. 2559
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พบกับหญิงคนหนึ่งมีศักดิดาเป็นถึงหม่อมหลวงและมีเชื้อพระวงศ์ในสายรัชกาลที่5 แต่ปัจจุบันชีวิตกลับผกผันและตกอับอยู่ในบ้านเช่าเก่าซอมซ่อใกล้พังกับสามีที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์และสุนัขอีก2 ตัว 
 
     โดยหญิงรายนี้ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อของ ยายแต๋ว หรือชื่อตามบัตรประชาชนคือ หม่อมหลวงจีระจันทร์ เกษมศรี อายุ 77 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่กับ นายรื่น ประทุมมณี อายุ 76 ปี สามีซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์และต่อมลูกหมากโตเดินไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเช่าภายในซอยถนนปาดังเบซาร์ สภาพเก่าทรุดโทรมใกล้พัง ซึ่งเป็นของเพื่อนบ้านให้อยู่ฟรี และสภาพในบ้านแทบไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ มีเพียงโทรทัศน์และตู้เย็นเก่า เครื่องครัวเล็กน้อยเท่านั้น โดยมีสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลชื่อแตงกวากับทาโร่ไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา 
 
     หม่อมหลวงจีระจันทร์ เล่าประวัติความเป็นมาคร่าวๆว่า เป็นลูกของ ม.ร.ว.จิราทิพย์ เกษมศรี และนางมลุลี เกษมศรี ณ อยุทธยา มีพี่น้องด้วยกัน8 คน สมัยเด็กจำได้อาศัยอยู่ในซอยใจสมาน 2 ข้างซอยปรีดา ย่านนานาเหนือนานาใต้ ก่อนย้ายมาซอยทองหล่อ จำได้ว่าสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเรียกท่านลุงว่าท่านน้า แต่ชีวิตผกผันเมื่อครอบครัวต้องลี้ภัยทางการเมืองมาอยู่ที่บ้านคลองปอม ต.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2,500 ขณะนั้นอายุได้ประมาณ18 ปี และแต่งงานกับลูกท่านขุนคนหนึ่งอยู่กินกันจนมีลูก 4 คน จากนั้นท่านพ่อท่านแม่ก็ย้ายไปอยู่อีกหลายแห่งในตำแหน่งแพทย์ตำบล ในพื้นที่อ.หาดใหญ่ ก่อนที่จะย้ายกลับขึ้นไปอยู่กรุงเทพฯทั้งหมด ส่วนตนใช้ชีวิตอยู่ที่จ.สงขลากับครอบครัว
 
     แต่ชีวิตเริ่มผกผันต้องแยกทางกับสามีคนแรก และเริ่มใช้ชีวิตเหมือนคนปรกติทั่วไปก่อนที่จะมาได้สามีใหม่คือ นายรื่น ประทุมมณี หรือลุงรื่น ซึ่งมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างและขับรถรับจ้างขนส่งสินค้าที่ปาดังเบซาร์ และอาศัยอยู่ในพื้นที่อ.สะเดา มาถึงปัจจุบัน และชีวิตเริ่มลำบากหนักขึ้นเมื่อนายรื่น ล้มป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาไม่สามารถทำงานได้ครอบครัวจึงลำบากเรื่อยมาเพราะตัวเองก็ไม่ได้มีอาชีพอะไร จนถึงปัจจุบันอาศัยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ600 และเบี้ยคนพิการอีก 800 บาท รวมทั้งลูกสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ส่งเสียมาให้บ้างเพราะอีก 3 คนเสียชีวิตไปแล้ว
 
     ชีวิตในช่วงที่อยู่กรุงเทพฯ สะดวกสบายมาก ไปไหนมาไหนมีรถรับส่งและได้เรียนหนังสือ ต่างกับปัจจุบันราวฟ้ากับดินที่แทบจะนอนกลางดินกินกลางทราย แต่ก็ทำใจยอมรับกับชะตาชีวิตที่เป็นอยู่ หลังจากที่ท่านพ่อเสียชีวิตก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับญาติพี่น้องที่กรุงเทพฯ อีกเลย มีเพียงหลานสาวคนเดียวที่อยู่หาดใหญ่ซึ่งยังพอติดต่อกันได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรจากญาติพี่น้อง
 
     ส่วนศักดินานำหน้าชื่อว่าหม่อมหลวง ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพียงแต่เมื่อไปติดต่อราชการหรือธนาคารก็มีคนสอบถามว่าเป็นหม่อมจริงหรือเปล่า เพราะหลายคนไม่เชื่อว่าหม่อมหลวงจะมาอยู่ในสภาพแบบนี้  โดยในบั้นปลายของชีวิตไม่ต้องการกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯอีกแล้วแม้จะมีน้องสาวอีก2 คน เพราะขาดการติดต่อกันมานานไม่รู้จะไปเริ่มตนยังไง แต่ขอแค่ให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ก็พอ เช่นเรื่องของที่อยู่อาศัยและปัจจัยยังชีพไม่ต้องลำบาก และไม่ปฏิเสธหากหน่วยงานใดหรือผู้ใจบุญจะช่วยเหลือ
 
     ส่วนลุงรื่นบอกว่าช่วงที่อยู่กินกับ หม่อมแต๋ว ก็ไม่รู้ว่าเป็นถึงหม่อมหลวงมาทราบทีหลังเห็นจากบัตรประชาชน