ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางถุงเงิน อำรุง อายุ 47 ปี แม่ค้าขายผักและเครื่องเทศ ในตลาดสดพิษณุโลกร่วมใจ 2 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ว่า เมื่อเวลาประมาณ 9 โมงเช้าของวันที่ 10 ก.ค. มีมิจฉาชีพที่เป็นผู้หญิงเข้ามาซื้อของในร้าน และอ้างว่าตนทอนเงินไม่ครบ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ทั้งหมด
โดยนางถุงเงิน กล่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกไว้เมื่อเวลา 09.11 น. มีลูกค้าเป็นผู้หญิงผมยาวอายุประมาณ 50 ปี สวมใส่เสื้อสีฟ้าลายตารางสีน้ำเงิน ใส่แว่นตาเข้ามาซื้อกระเทียมและจ่ายเงินด้วยธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ให้ทันที หลังจากนั้นได้พูดคุยกับลูกชาย ขอให้ตักกระเทียมถุงใหม่ และในภาพจะเห็นว่าได้ควักธนบัตร ฉบับละ 50 บาท ออกมาจากในกระเป๋าเสื้อมาใส่มือข้างขวาไว้ และซุกไว้บริเวณด้านข้างตระกร้า เมื่อรับเงินทอนได้รีบเอาธนบัตรฉบับละ 50 บาท ที่ซุกไว้ใต้เงินทอนซึ่งเป็นเศษทอน 50 บาททันที และอีกจังหวะที่ลูกชายทอนเงินให้อีก 900 บาท จากภาพจะเห็นได้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวได้ชักเอาธนบัตร ฉบับละ 500 บาท ยัดไว้ที่กางเกง และมาเรียกร้องว่า ทอนเงินให้ไม่ครบ ซึ่งในช่วงแรก ลูกชายและตนได้ยืนยันว่าทอนเงินครบอย่างแน่นอน เนื่องจากตนได้ดึงเงินที่ทำแนบละ 1,000 บาท เอาไว้
นางถุงเงิน บอกว่า ตนเองขายของมาตั้งแต่อายุ 13 ปี ปกติของการค้าขายจะระมัดระวังเรื่องการทอนเงินอยู่แล้ว โดยทุกวันจะ ทำเงินเป็นแนบๆละ 1 พันบาท จะประกอบไปด้วย ธนบัตร ฉบับละ 500 บาท 1 ฉบับ หรือ ธนบัตรฉบับละ 100 บาท ทั้งหมด ซึ่งหลังจากโต้เถียงกันอยู่พักหนึ่งผู้หญิงคนดังกล่าวพยายามแสดงความบริสุทธิ์ โดยได้พยายามแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่มีเงินในกระเป๋าเสื้อแต่อย่างใด จนในที่สุดได้ให้เงินเพิ่มไปอีก 500 บาท และเมื่อผู้หญิงคนดังกล่าวเดินจากไปแล้ว จึงได้เปิดกล้องวงจรปิดจึงพบว่า ตนเองตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพเสียแล้ว
จึงอยากให้เรื่องราวของตนเองเป็นอุธาหรณ์แจ้งเตือนภัยให้พ่อค้าแม่ค้าตามท้องตลาด ให้เพิ่มความระมัดระวังและติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้เพื่อเป็นพยาน และสามารถดำเนินคดีตามกฏหมายได้ เพราะหลังจากนำเอาเรื่องราวนี้ไปบอกต่อก็ทราบว่า มีผู้เคยถูกหลอกทอนเงินในลักษณะเดียวกันนี้จำนวนมาก ส่วนตนเสียเงินให้กับมิจฉาชีพไป 500 บาท
ต่อมา เมื่อเวลา 13.00 น. นางถุงเงิน เดินทางเข้าพบ พันตำรวจเอกทรงพล สังข์เกษม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก เพื่อขอแจ้งความดำเนินคดีกับมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาเป็นลูกค้า และยักยอกเอาเงินทอนไปจำนวน 450 บาท ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ทั้งหมดได้ โดยนางถุงเงินขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้หญิงคนดังกล่าวมาดำเนินคดี เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ไม่ได้ร่ำรวย หากพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้เพียงครั้งเดียวก็จทำให้เกิดภาระหนี้สิน ทุนหายกำไรหดในทันที ประกอบกับได้รับแจ้งจากเพื่อนพ่อค้าแม่ค้าในตลาดว่า ยังมีกลุ่มมิจฉาชีพคนอื่นที่มีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันด้วย
ด้านพลตำรวจเอกทรงพล สังข์เกษม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มิจฉาชีพมีการพัฒนารูปแบบการฉ้อโกง หลวงลวงเอาทรัพย์ หรือขโมยทรัพย์หลากหลายวิธี ซึ่งประชาชนทุกคน หากไม่มั่นใจหรือพบเจอบุคคลในภาพ หรือเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน ให้โทรแจ้งมาที่ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมตรวจสอบเพื่อช่วยกันป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนคดีนี้หลักฐานชัดเจนจะได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสืบสวนตรวจสอบและติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม