ศาลเยาวชนฯไต่สวนพนักงานคุมประพฤติ กรณี 'สาวซีวิค' ผิดเงื่อนไขทำงานบริการสังคม คดีขับรถซีวิคชนรถตู้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย เมื่อปี 2553 ต้องบำเพ็ญประโยชน์ใหม่อีกครั้ง 138 ชั่วโมง
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นัดไต่สวน คำร้องที่เจ้าพนักงานคุมประพฤติ ขอให้ศาลพิจารณา กรณีจำเลยคดีขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิคเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารสายธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-หมอชิต บนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ เป็นเหตุให้คนขับรถตู้และผู้โดยสารเสียชีวิตรวม 9 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 ผิดเงื่อนไขการคุมประพฤติ ในการบำเพ็ญประโยชน์
ในวันนี้พันตำรวจเอกณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าพนักงานคุมประพฤติ และสาวซีวิคพร้อมครอบครัว ได้เดินทางมาศาลเพื่อไต่สวน โดยเป็นการพิจารณาลับ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องพิจารณาคดี
ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมาศาลได้ไต่สวนพนักงานคุมประพฤติแล้วเสร็จจำนวน 1 ปาก ก่อนพักการพิจารณาคดีเมื่อเวลา 13.30 น. และจะไต่สวนพนักงานคุมประพฤติอีก 3 ปาก ในเวลา 14.00 น. และยังไม่การเปิดเผยข้อมูลใดๆต่อสื่อมวลชน
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อ 15.00 น. ที่ผ่านมา ศาลได้ไต่สวนเสร็จสิ้น โดยจำเลย เยาวชนหญิง และครอบครัวยินดีที่จะบำเพ็ญประโยชน์ใหม่อีกครั้ง จำนวน 138 ชั่วโมง
พันตำรวจเอกณรัชต์ ระบุว่า การไต่สวนวันนี้เป็นการพูดคุยทางลับ โดยเจ้าหน้าที่กรมควบคุมประพฤติแถลงต่อศาลถึงขั้นตอนการบำเพ็ญประโยชน์ที่ถูกต้อง เบื้องต้นทางจำเลย และครอบครัวได้แสดงสปิริตยอมที่จะเริ่มบำเพ็ญประโยชน์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งตามเกณฑ์จะต้องทำให้เสร็จสิ้นเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ และได้เจรจาทำบันทึกข้อตกลงเรื่องสถานที่ไว้แล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนกรณีถ้าจำเลยไม่สามารถปฏิบัติได้ทันภายในเวลาที่กำหนด ก็ต้องนำแถลงต่อศาลต่อไป ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อส่วนประเด็นที่ฝ่ายจำเลย อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ลวนลาม พันตำรวจเอกณรัชต์ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง อาจเป็นความเข้าใจผิด ในส่วนนี้ก็ไม่ได้ติดใจ เอาผิดแต่อย่างใด
สำหรับคดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษา ยืนโทษจำคุก 2 ปี แต่แก้โทษให้เพิ่มเวลารอลงอาญาจาก 3 ปี เป็น 4 ปี คุมประพฤติ 3 ปี พร้อมทั้งให้จำเลยทำงานบริการสังคม จำนวน 144 ชั่วโมง ห้ามขับรถจนอายุ 25 ปี เมื่อปี 2557