จากสถานการณ์ของประเทศไทยปัจจุบันที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และจากจากข้อมูลในปี 2559 มีผู้สูงอายุที่ได้รับอายุจำนวน 7,996,332 คนจากทั้งหมด10,783,380คน ที่เหลือไม่ได้ลงทะเบียนโดยใช้งบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 63,098,546,400 บาท
นอกจากนี้ ในปี 2573 คาดว่าทุกๆ ประชากร 5 คน จะมีผู้สูงอายุหนึ่งคน และคนในวัยทำงานเหลือน้อยลง ทำให้รัฐบาลต้องเร่งหาทางแก้ปัญหา
โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการคลัง ได้เตรียมทบทวนนโยบายการจ่ายสวัสดิการเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ โดยการพิจารณาตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 9,000 บาท หรือมีสินทรัพย์ที่สูงกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดงบประมาณไปได้ปีละ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีภาระงบประมาณ 60,000-70,000 ล้านบาท แต่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องออกมาชี้แจงว่าเป็นเพียงแนวคิดที่ยังไม่ตกผลึก
ล่าสุด นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่า แม้จะเป็นแค่แนวคิด แต่แสดงว่ายังมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีก ตนเองกับอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ รวม 22คน จึงเตรียมยื่นหนังสือคัดค้านถึงนายกรัฐมนตรีภายในวันนี้ที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเป็นการป้องกันไว้ เนื่องจากมองว่าการตัดเบี้ยจะเป็นการทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมขึ้นมาอีก ซึ่งหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ใช้อยู่นั้น มาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามแก้ปัญหาเเละให้ความสำคัญเรื่องสวัสดิการผู้สูงอายุ