'ช้างศึก' แม่นโทษ เฉือนซีเรีย 9-8 ทะลุชิงฯ 'จอร์แดน' ศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 44

การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 44 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ขุนพล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ลงสนามนัดแรก พบ ทีมชาติซีเรีย โดยผู้ชนะของคู่นี้ จะผ่านเข้าไปรอบชิงชนะเลิศ พบกับ ทีมชาติจอร์แดน ที่เอาชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มา 3-1

                เกมนี้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ส่ง 11 ตัวจริงเกือบจะชุดเดิมที่ใช้มาตลอด ผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กองหลัง ธีราทร บุญมาทัน, อดิศร พรหมรักษ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ทริสตอง โด กองกลาง สารัช อยู่เย็น, สรรวัชญ์ เดชมิตร, ชนาธิป สรงกระสินธ์ โดยใช้ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, มงคล ทศไกร และธีรศิลป์ แดงดา เป็น 3 ตัวรุก

                เริ่มเกมเป็นซีเรีย ที่ครองบอลได้เหนือกว่า พยายามหาช่องเจาะแนวรับของไทย แต่ยังทำประตูขึ้นนำไม่ได้ ส่วนทีมชาติไทยอาศัยจังหวะรอโต้กลับเล่นงานแผงหลังซีเรียเกือบได้ผลอยู่หลายครั้ง

                และในนาทีที่ 21 ทีมชาติไทยก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนไหลเบาๆเข้ากลางให้ธีรศิลป์ แดงดา ยิงเข้าไปง่ายๆ

                หลังจากนั้นเป็นทีมชาติไทย ที่เริ่มเดินเกมได้ดีกว่า และหาช่องเพื่อทำประตูที่ 2 จนความพยายามมาสำเร็จ ในนาทีที่ 42 จากจังหวะที่สารัช อยู่เย็น กระดกบอลเข้ามาในเขตโทษ ผู้รักษาประตูของซีเรียจะออกมาตัดบอล แต่พลาด โดนมงคล ทศไกร ฉกบอลเข้าไปยิงง่ายๆ ไทยหนีห่าง 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

                เริ่มครึ่งหลัง ซีเรีย เป็นฝ่ายบุกใส่ไทยอย่างหนัก เพื่อหวังประตูตีไข่แตก และก็มาทำได้สำเร็จ ในนาทีที่ 60 จากการหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษของ มามูด อัล มาวาส

                หลังจากตีไข่แตก ซีเรีย ยังเป็นฝ่ายบุกใส่ไทยอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงช่วงท้ายเกมก็มาได้ประตูตีเสมอเป็น 2-2 จากจังหวะที่ โอซาม่า โอมารี่ หลุดมาทางกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ อับดุล ฟัตตาห์ วิ่งมาเข้าฮอร์สโล่งๆไม่เหลือ ก่อนจบ 90 นาทีด้วยสกอร์ 2-2 ต้องตัดสินกันด้วยการดวลลูกจุดโทษ

                ปรากฏว่าขุนพล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ดวลโทษได้แม่นกว่า เอาชนะไปได้ 7-6 รวมผลจาก 90 นาที ไทยชนะซีเรีย 9-8 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 ไปพบกับ จอร์แดน ที่เอาชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3-1 ในวันอาทิตย์ที่ 5 มิ.ย.นี้ เวลา 20.00น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน