พนง.เซเว่นเดือดถูกสั่งย้ายบุกสาดโจ๊กใส่เพื่อนร่วมงาน มารดาวอนเข้ามอบตัว
logo ข่าวอัพเดท

พนง.เซเว่นเดือดถูกสั่งย้ายบุกสาดโจ๊กใส่เพื่อนร่วมงาน มารดาวอนเข้ามอบตัว

ข่าวอัพเดท : จากกรณีมีคลิปภาพสาดโจ๊กร้อน ๆ ใส่สาวเซเว่น แชร์ว่อนตามโลกโซเชียล ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบพบว่าเป็นคดีระหว่างพนักงานเซเว่นขัดแย้งกันเรื่

5,454 ครั้ง
|
29 มี.ค. 2559

 

    จากกรณีมีคลิปภาพสาดโจ๊กร้อน ๆ ใส่สาวเซเว่น แชร์ว่อนตามโลกโซเชียล ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบพบว่าเป็นคดีระหว่างพนักงานเซเว่นขัดแย้งกันเรื่องการทำงานในสาขา เบื้องต้นทราบว่าเป็นร้านสะดวกซื้อสาขาคูบางหลวง หน้าเอื้ออาทร ต.คูบางหลวง อ.เมือง จ.ปทุมธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 เวลา 19.20 น. ที่ผ่านมา
 
    เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 29 มีนาคม 2559 น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายซึ่งใบหน้าฝั่งซ้ายมีแผลพุพองจากน้ำร้อนรวก สภาพแผลพุพองลามถึงช่วงคอและหน้าอก ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.พงษ์อนันต์ รักษาชาติ พนักงานสอบสวนสภ.คูบางหลวงเจ้าของคดี พร้อมกับนำพบนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์เพื่อเข้าร่วมในการถามปากคำผู้เสียหาย
 
     ทั้งนี้นางสมพร นวลย้อย อายุ 45ปี มารดาของ น.ส.จิดาภา จิตดี ผู้ต้องหาได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งมาทราบข่าวก็ตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญตัวจากบ้านพัก พร้อมกับเดินทางไปติดตามหาตัวบุตรสาว ซึ่งที่ผ่านมาบุตรสาวไม่เคยเป็นเด็กก้าวร้าว แต่ออกจากบ้านมาเพื่อหาเงินใช้จ่ายเพียงลำพังและพักอาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมงาน และนี่เป็นวันที่ 3 แล้วที่ไม่สามารถติดต่อกับลูกสาวได้และปิดโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองต้องขอโทษแทนลูกสาวและยอมที่จะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้กับคู่กรณีทั้งหมด และอยากให้ลูกสาวเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วพร้อมให้อภัย  
 
      น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายให้การว่า ตนเองและผู้ก่อเหตุทำงานที่เดียวกัน โดยตนเองเพิ่งเข้าทำงานได้เพียง 2 อาทิตย์ ส่วนผู้ก่อเหตุทำงานแห่งนี้มานานแล้วกว่า 1 ปี แต่คนละช่วงเวลาในวันเกิดเหตุตนเองเป็นพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เงิน จู่ ๆ ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาที่ร้านเซเว่นเพื่อเข้ามาเอาเสื้อผ้าและสิ่งของ ก่อนที่จะนำโจ๊กคัฟในน้ำแล้วนำเข้าเครื่องไมโครเวฟและเดินมาที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินบอกให้ตนเองคิดเงิน กระทั่งทอนเงินเสร็จผู้ก่อเหตุจึงสาดโจ๊กคัฟจากถ้วยที่ร้อนๆใส่หน้า 2 ครั้ง ก่อนที่จะเดินออกไปหน้าประตูแล้วบอก “ว่ากูหมันไส้มึงจัง” ซึ่งเท่าที่กลุ่มเพื่อนคุยกันคือผู้ต้องหาไม่พอใจในเรื่องการขายของที่ตนเองมีความคล่องแคล่ว และผู้ต้องหากำลังจะถูกย้ายตัวไปทำงานอีกสาขาหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามของถนน จึงเป็นไปได้ว่าผู้ก่อเหตุไม่ชอบตนที่ตนเองทำงานได้คล่องแคล่วและไม่เคยหยุดงานเลยส่วนผู้ต้องหาหยุดงานบ่อยจนถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิก็เป็นได้
 
      ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวหัวหน้างานเข้ามาให้ปากคำเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับการทำงานในสาขา ว่าเกิดปัญหากันอย่างไร ซึ่งทราบว่าผู้ต้องหาทำงานมานานแต่ถูกเปลี่ยนย้ายสาขาไปอยู่อีกที่หนึ่งเป็นสาขาคูบางหลวง หน้าแฟคคอม ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกัน เนื่องจากทราบว่าผู้เสียหายทำงานดี พูดจากับลูกค้าไพเราะตามกฏเกณฑ์ที่ทางบริษัทฯ กำหนด จึงอาจเป็นสาเหตุให้ก่อเหตุขึ้น 
 
      แต่อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนติดตามผู้ก่อเหตุมาสอบสวน เนื่องจากขณะนี้พบว่าหลบหนีไปไม่สามารถติดต่อไป โดยได้ประสานทางแม่และญาติขอให้ติดต่อมอบตัวเนื่องจากเป็นคดีทำร้ายร่างกายกันเท่านั้น