นิเชา เป็นชาวนามิเบีย ชนเผ่าซาน (San) หรือรู้จักในชื่อบุชเม็น (Bushmen) เกิดวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2487 (โดยประมาณ) เพราะนิเชาไม่ทราบอายุของตัวเอง นิเชามีผลงานการแสดงหลายเรื่อง เช่น เทวดาท่าจะบ๊องส์ (The Gods Must Be Crazy) ภาพยนตร์ตลกของฮอลลีวูด และ เทวดาท่าจะบ๊องส์ ภาคพิสดาร Crazy Safari, Crazy Hong Kong และ The Gods Must Be Funny in China (ภาพยนตร์ตลกของฮ่องกง) ซึ่งในภาคพิสดารนี้ นิเชาใช้วิชา จีทคุนโด้ จาก บรูซ ลี ต่อสู้กับศัตรูด้วยเช่นกัน ซึ่งชาวนามิเบียยกย่องนิเชาว่าเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศนามิเบีย
'เทวดาท่าจะบ๊องส์' หรือ 'The Gods Must Be Crazy' ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2523 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ซี (Xi)คนป่าบุชเม็นแห่งทะเลทรายกาลาฮารี (รับบทโดย นิเชา บุชเม็นชาวนามิเบีย) ที่ใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ในดินแดนห่างไกลอารยธรรม กลางทะเลทรายกาลาฮารี แต่วันหนึ่งเกิดมีขวดน้ำอัดลมใบหนึ่งถูกทิ้งลงมาจากเครื่องบินที่บินผ่านทะเลทราย ซี (นิเชา) เก็บขวดเปล่าตกมาจากฟ้าได้และนำกลับบ้านไปโดยเข้าใจว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้า นับตั้งแต่นั้นมาทุกคนในหมู่บ้านก็เปลี่ยนไป เริ่มจากการมีทรัพย์สิน จากวิถีชีวิตดั้งเดิมที่มีแต่การแบ่งปัน ก็เริ่มมีการอิจฉาริษยา การทะเลาะเบาะแว้ง ความโกรธเคือง ความรุนแรง ซี จึงเชื่อว่าขวดเปล่าใบนั้นเป็นสิ่งชั่วร้ายที่นำความขัดแย้งมาสู่หมู่บ้านของเขา จึงตัดสินใจอาสาจะเดินทางไปสุดขอบโลกเพื่อนำของขวัญนั้นกลับไปคืนพระเจ้า ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการนำเสนอการเดินทางของซี และการพบกับอารยธรรมตะวันตกเป็นครั้งแรก โดยเสนอผ่านมุมมองใสซื่อบริสุทธิ์ของซี เขียนบทและกำกับโดยเจมี อูอิส ผู้กำกับชาวแอฟริกาใต้ ถ่ายทำในแอฟริกาใต้และบอตสวานา หลังจากออกฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จนมีการสร้างภาคต่อมาอีก 4 ภาค โดยภาคต่อภาคแรกสร้างโดยเจมี อูอิส ส่วนอีกสามภาคต่อมาเป็นภาพยนตร์ตลกต้นทุนต่ำ พากย์ภาษากวางตุ้ง สร้างโดยผู้สร้างภาพยนตร์จากฮ่องกง
ก่อนหน้าที่เขาจะปรากฏตัวในภาพยนตร์ เขามีประสบการณ์การใช้ชีวิตสมัยใหม่เพียงเล็กน้อย เช่น เขามีโอกาสได้พบคนผิวขาวเพียงสามคนเท่านั้นก่อนเข้าวงการ และเขาไม่รู้จักค่าของธนบัตร รายได้จากการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก เทวดาท่าจะบ๊องส์ เขาก็ปล่อยทิ้งให้ปลิวไปกับลม เขาได้ค่าตัวจากภาพยนตร์ เทวดาท่าจะบ๊องส์ เพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์สหรัฐ แต่ภาพยนตร์เรื่องต่อมาเขาก็เจรจาเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนสูงขึ้น และเขาก็ได้รับรายได้ที่เพียงพอ เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่ใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพราะไม่มีความสามารถในการจัดการรายได้ แม้ว่าเขาใช้เงินบางส่วนซื้ออิฐมาสร้างบ้าน ต่อน้ำประปาและไฟฟ้าให้ครอบครัว
VIDEO
ครั้งหนึ่ง นิเชาเคยเป็นนายแบบโฆษณาให้กับกระเบื้องห้าห่วงที่ประเทศไทย โดยมีบทพูดเป็นภาษาไทยว่า "ห้าห่วง ทนหายห่วง" หลังจากเขาเลิกอาชีพนักแสดง เขากลับนามิเบียเพื่อไปทำไร่ข้าวโพด ฟักทอง ถั่ว และเลี้ยงวัวควาย
นิเชา เสียชีวิตวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 จากวัณโรคที่ดื้อยาหลายขนาน ซึ่งติดโรคมาจากการล่าสัตว์ ชนพื้นเมืองประกอบพิธีฝังศพของนิเชาเมื่อ 12 กรกฎาคม ที่ Tsumkwe ถัดจากหลุมศพภรรยาคนที่สอง
+ อ่านเพิ่มเติม