ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคำร้อง แก้รัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.แล้ว ร่ายยาวสอนประชาธิปไตยและเสียงข้างมาก ก่อนยันมีอำนาจวินิจฉัย ชี้ร่างสอดไส้มิชอบ กดบัตรแทนกันผิด เนื้อหาเข้าข่ายผิด ม.68 วรรค 1 แต่ไม่เข้าเงื่อนไขยุบพรรค-ไม่ตัดสิทธิ ส.ส.-ส.ว.
วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเวลา 13.26 น.ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มออกนั่งบัลลังก์เพื่อวินิจฉัยคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.แล้ว โดยนายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัยรวมโดยได้กล่าวถึงอำนาจของการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุถึงรัฐธรรมนูญปี 50 หลักการประชาธิปไตย และยังกล่าวถึงการใช้เสียงข้างมากจนเป็นปัญหาย่อมขัดรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 3 วรรค 2 ขณะที่ มาตรา 216 วรรค 5 ก็ได้ระบุชัดคำวินิจฉัยของศาล รธน.มีผลพูกพันต่อรัฐสภา เมื่อพิจารณาแล้ว ผู้ร้องใช้สิทธิ์ตาม ม.68 วรรค 2 ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีอำนาจวินิจฉัยได้
รัฐธรรมนูญหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างแก้ไขมิใช่ร่างเดิมที่นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล ยื่น แต่เป็นร่างที่จัดพิมพ์ขึ้นใหม่ มีการเพิ่มเติมจากหลักการเดิมหลายประการ โดยไม่มีสมาชิกสภาฯ ยืนยันญัตติ มีผลเป็นไปโดยมิชอบ มาตรา 291 วรรค 1
กรณีการเสียบบัตรแทนกัน ขัดแย้งต่อหลักการรัฐธรรมนูญเรื่องการลงคะแนน มาตรา 126 วรรค 3 ถือว่าเป็นการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ
กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. มติตุลาการ 6 ต่อ 3 การลงมติเป็นการกระทำที่มิชอบ มาตรา 122,125,126 ขณะที่มติ 5 ต่อ 4 เห็นว่า ขัดแย้งต่อเจตนารมย์ ฝ่าฝืน ม.68 วรรค1 ยังไม่เข้าเงื่อนไขยุบพรรค ไม่ตัดสิทธิ์ ส.ว.,ส.ส.