อย่าเพิ่งบอกว่ารู้จักประเทศญี่ปุ่น ถ้าคุณยังไม่เคยไป17ที่เทียวนี้
logo คอนเทนท์ข่าวอื่นๆ

อย่าเพิ่งบอกว่ารู้จักประเทศญี่ปุ่น ถ้าคุณยังไม่เคยไป17ที่เทียวนี้

1,441 ครั้ง
|
21 ต.ค. 2558

อย่าเพิ่งบอกว่ารู้จักประเทศญี่ปุ่น ถ้าคุณยังไม่เคยไป17ที่เทียวนี้

.. ค้นพบมุมมองใหม่ไปกับ Japan Story

พร้อมลุ้นตั๋วเครื่องบินไป-กลับญี่ปุ่นแบบฟรีๆ

 

                สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยว เชื่อว่าญี่ปุ่นน่าจะเป็นหนึ่งในประเทศในฝันของใครหลายคน โปรแกรมทัวร์ส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นไปชิมปลาดิบ พิชิตฟูจิ หรือเซลฟี่กับซากุระ แต่ถ้าไปญี่ปุ่นทั้งที แล้วหวังจะได้เห็นแค่นี้ก็อาจจะฟังดูธรรมดาไปหน่อย แล้วญี่ปุ่นยังมีมุมไหนให้เที่ยวอีกล่ะ ??

 

                องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) สำนักงานกรุงเทพ เปิดตัวแคมเปญ “Japan Story เปิดประสบการณ์ เที่ยวญี่ปุ่นมุมมองใหม่ ” ให้นักท่องเที่ยวทุกคนมาทำความรู้จักกับประเทศญี่ปุ่นในแง่มุมใหม่ๆ แบบไม่มีกั๊กทั้ง 17 สถานที่ ผ่านการคัดแล้วคัดอีก เจาะลึกรู้จริงทุกซอกทุกมุมทั่วญี่ปุ่นตั้งแต่ฮอกไกโดไปจนถึงโอกินาวา ยกขบวนมาทั้งสถานที่น่าเที่ยว กิจกรรมน่าลอง รวมถึงเมนูน่าชิม และความพิเศษของแคมเปญนี้ก็คือ แขกรับเชิญชาวญี่ปุ่นสุด Exclusive เจ้าของเรื่องตัวจริง จะมาถ่ายทอดเรื่องราวแง่มุมใหม่ๆ ของทุกๆ สถานที่ด้วยตัวเอง เล่าให้ฟังกันแบบหมดเปลือก เรียกได้ว่ารู้แล้วต้องอยากจะหาวันลา บินไปดูด้วยตาตัวเองที่ญี่ปุ่นทันที กับ 17 สถานที่น่าเที่ยวที่คัดสรรมาแล้วว่าเด็ดจริง

 

                1. Tsuruga Castle, Fukushima ปราสาทสึรุกะ หรือที่เรียกกันว่าปราสาทนกกระเรียน ฐานที่มั่นสุดท้ายของเหล่าซามูไรในญี่ปุ่น มหากาพย์แห่งศักดิ์ศรีของซามูไรเกิดขึ้นที่นี่ ร่องรอยประวัติศาสตร์ของความกล้าหาญยังคงครุกรุ่นอยู่ในใจชาวเมืองทุกคน

                2. Kuroyu Onsen, Akita อนเซ็นกลางแจ้งท่ามกลางหุบเขา ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมโบราณแบบดั้งเดิม แวดล้อมไปด้วยความงดงามของใบไม้สีแดง แถมน้ำแร่ที่นี่ก็ยังเป็นสีนม ให้แช่ให้ชมกันแบบชิลล์ๆ

                3. Hitachi Seaside Park, Ibaraki สวนดอกไม้ขนาดใหญ่บนเนินเขาริมทะเล ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 1,900,000 ตารางเมตร สวนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยดอกนีโมฟีลาปูพรมสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาในฤดูใบไม้ผลิ และเปลี่ยนเป็นพุ่มโคเกียสีแดงสดตัดกับเส้นขอบฟ้าในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

                4. Inakadate Village, Aomori. ผลงานศิลปะขนาดมหึมาบนนาข้าว สร้างสรรค์ขึ้นจากการใช้ผืนนาแทนผืนผ้าใบ แล้วนำต้นข้าวต่างสีสันหลากหลายสายพันธุ์มาปลูกประกอบกันจนกลายเป็นรูปภาพงดงามขนาดใหญ่

                5. Rusutsu, Hokkaido สำหรับคนชอบหิมะ พลาดไม่ได้กับสกีรีสอร์ทที่รุสุสึ หิมะที่นี่แตกต่างจากที่อื่น เพราะได้ชื่อว่าเป็นพาวเดอร์สโนว์ หิมะปุยละเอียดเนียนนุ่มเหมือนผงแป้ง เล่นสกีพร้อมชมวิวภูเขาโยเทอิ ซึ่งมีรูปทรงแบบเดียวกับภูเขาไฟฟูจิ จนได้รับฉายาว่า “ฟูจิแห่งฮอกไกโด”

                6. Tarai-bune - Sado Island, Niigata ถ้าใครอยากสัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวประมงดั้งเดิม ต้องลองมาล่องเรืออ่างแห่งเกาะซะโด เรือทรงกลมลำเล็กน่ารักหน้าตาคล้ายอ่าง ที่ชาวบ้านบนเกาะใช้พายซอกแซกไปตามโขดหินเพื่อเก็บหอยและสาหร่าย

                7. Kawachi Fuji Garden - Kitakyushu City, Fukuoka อุโมงค์ดอกไม้สุดโรแมนติก เต็มไปด้วยช่อวิสทีเรียต่างเฉดสี

หลากสายพันธุ์ ออกดอกสะพรั่งยาวไปตลอดอุโมงค์ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งจนอยากจะสูดให้ชุ่มปอด

                8. Itsukushima Shrine – Miyajima, Hiroshima มิยาจิม่าเกาะชื่อดังในจังหวัดฮิโรชิม่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 วิวทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น ไฮไลท์อยู่ในช่วงเทศกาลดอกไม้ไฟประจำปี ที่ดอกไม้ไฟสุดตระการตากว่า 5,000 นัดจะถูกจุดขึ้นมาจากใต้ทะเล

                9. Gokayama, Toyama หมู่บ้านกลางหุบเขาอายุยาวนานกว่า 100 ปี ตั้งตระหง่านท่ามกลางหิมะในฤดูหนาว ด้วยหลังคาที่มีรูปร่างคล้ายสองมือพนมเข้าหากัน ตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมกัสโชสึคุริ

                10. Yokohama City, Kanagawa เมืองท่าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยที่ญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศใหม่ๆ กับเสน่ห์ที่ผสมผสานกันอย่างหลากหลายระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่นและต่างชาติ ดื่มด่ำไปกับวิวริมน้ำและแสงไฟยามค่ำคืน เดินเที่ยวรอบเมือง หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศไปปั่นจักรยานชมเมืองก็ชิลอีกแบบ

                11 Aqua Metropolis River Cruise, Osaka กับปฏิบัติการณ์ฟื้นฟูคลองน้ำเสียให้เป็นคลองน้ำใส พร้อมการปรับภูมิทัศน์สองฝั่งคลองครั้งใหญ่ ต่อยอดมาสู่กิจกรรมล่องเรือชมเมืองในมุมมองใหม่ ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ วิวสวยงามของซากุระยิ่งเสริมให้บรรยากาศสวยงามจับใจ

                12. Whirlpools of Naruto, Tokushima ปรากฏการณ์ทะเลน้ำวนอันเกิดจากระดับของน้ำทะเลที่แตกต่าง ระหว่างทะเลเซโตะกับมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะมีให้เห็นแค่เพียงวันละ 2 ครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือเข้าไปชมทะเลน้ำวนแบบใกล้ๆ อีกหนึ่งประสบการณ์ตื่นตาตื่นใจที่รอให้คุณมาสัมผัส

                13. Yubujima Island , Okinawa ใครว่าควายไม่ฉลาด ลองมาดูที่เกาะยุบุจิม่า กับบริการน้องควายนำเที่ยวที่พร้อมพาคุณบุกตะลุยไปรอบเกาะ โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครมานำทาง พร้อมเสียงเพลงขับกล่อมจากเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ท่ามกลางบรรยากาศลมทะเลและเสียงคลื่นกระทบหาดทราย ได้อารมณ์ชาวเกาะแท้ๆ

                14. Kinosaki Onsen, Hyogo เปลี่ยนชุดยูกาตะแล้วมาเดินเฉิดฉายสบายๆ ที่ หมู่บ้านอนเซ็นของชาวคันไซ ที่มีทั้งประวัติศาสตร์อันยาวนานและบรรยากาศแสนสบาย พร้อมอนเซ็นมงคล 7 บ่อประจำหมู่บ้าน ซึ่งชาวคันไซเชื่อกันว่าจะนำพาความเป็นมงคลมาสู่ชีวิต

                15. Farm Tomita, Furano City, Hokkaido ความน่าสนใจของท้องทุ่งสีม่วงแห่งโทมิตะฟาร์ม คือการเป็นท้องทุ่งที่ไม่ได้มีไว้เพียงแค่ให้ชื่นชม แต่ยังสามารถสัมผัสรสชาติความหอมหวานผ่านอาหารเมนูต่างๆ และอีกหลายกิจกรรมที่น่าทำในทุ่งลาเวนเดอร์แห่งนี้ โดยมีคุณลุงโทมิตะเจ้าของฟาร์มที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

                16. Ekiben เสน่ห์ของเอคิเบน หรือข้าวกล่องที่จำหน่ายตามสถานีรถไฟ ไม่ใช่แค่กินให้อิ่มท้อง เพราะนี่คือข้าวกล่องที่ปรุงจากวัตถุดิบขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นและฤดูกาล ผสมผสานกับศิลปะการจัดวาง ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถัน และดีไซน์บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาอย่างตั้งใจ จนทำให้ผู้โดยสารตื่นเต้นตั้งแต่ยังไม่ทันได้เปิดกล่อง

                17. Hayabusa and Super Komachi Shinkansen, Tokyo Station, Tokyo นอกจากเรื่องความเร็วที่โดดเด่นแล้ว ชินคังเซ็นยังมีระบบจัดการเกี่ยวกับขบวนรถไฟที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องการทำความสะอาดภายในรถไฟ ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 7 นาทีเพื่อให้ชินคังเซ็นสามารถให้บริการอีกครั้งได้ตรงตามเวลา ทำให้การใช้บริการชินคังเซ็นไม่ใช่แค่การโดยสารรถไฟไปยังจุดหมาย แต่เป็นอีกหนึ่งสีสันของการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาด

 

                และนี่ก็เป็นแค่เพียงเรื่องราวส่วนหนึ่ง ถ้าใครอยากจะตามไปค้นหาแง่มุมใหม่ๆ ในญี่ปุ่นอีก ก็คลิกเข้าไปดูต่อในเว็บไซต์ได้เลย ขอบอกว่านอกจากเรื่องราวใหม่ๆ น่ารู้น่าสนใจของประเทศญี่ปุ่นแล้ว แคมเปญ “ Japan Story เปิดประสบการณ์ เที่ยวญี่ปุ่นมุมมองใหม่ ” ยังมีกิจกรรมลุ้นรางวัลให้ร่วมสนุกผ่านเว็บไซต์ถึง 3 กิจกรรม

                เริ่มด้วยกิจกรรมแรก “ Your Japan Story ” ใครที่มีประสบการณ์หรือเรื่องเล่าสุดประทับใจจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น  เพียงแค่คุณมาแชร์เรื่องราวและรูปภาพของคุณผ่านเว็บไซต์ www.japanstory.org ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น 2 ที่นั่ง 1 รางวัลแบบฟรี ๆ ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน - 31 ตุลาคมนี้

                ต่อด้วยกิจกรรม “ Share Japan Story ชวนแชร์ลุ้นแช่ Onsen ฟรี ” สำหรับชาวโซเชียลที่ชอบไลค์ชอบแชร์ เพียงแค่เข้ามาอ่านเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยวมุมใหม่ๆในญี่ปุ่นจากเว็บไซต์ www.japanstory.org แล้วกดแชร์ลงในหน้า Facebook ของคุณ ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับ Gift Voucher ไปนอนแช่อนเซ็นกันแบบชิลล์ๆ มีให้ลุ้นกันถึง 10 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 450 บาท ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม - 31 ตุลาคมนี้

                ปิดท้ายด้วยเกมส์ “ Japan QUIZCOVERY!! ” หลังจากอ่านเรื่องราวทั้ง 17 เรื่องกันมาแล้ว ลองมาเล่นเกมส์วัดกึ๋น ตอบคำถามสนุกๆ ทายรูปภาพที่ถูกต้องจากทั้ง 17 เรื่อง ผู้ที่ตอบคำถามได้ถูกครบทุกข้อภายในเวลาที่กำหนด จะได้สิทธิ์ในการลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น 1 รางวัล (2 ที่นั่ง) แบบฟรีๆ ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ตุลาคมนี้

                รู้แบบนี้แล้ว รีบคลิกเข้าไปตามค้นหาแง่มุมใหม่ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่ www.japanstory.org กันได้เลย เรื่องราวน่ารู้และของรางวัลน่าลุ้นรอคุณอยู่นะ !!

แคมเปญ “Japan Story เปิดประสบการณ์ เที่ยวญี่ปุ่นมุมมองใหม่ ”

www.japanstory.org

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) สำนักงานกรุงเทพ

เว็บไซต์   www.yokosojapan.org/th/

เฟซบุค    www.facebook.com/visitjapanth