รวบสาวตั้งท้อง หลอกกดเงินตู้เอทีเอ็ม เสียหายกว่า 5 ล้านบาท

ตำรวจภูธรภาค 4 จับหญิตั้งท้อง 4 เดือน ตระเวนสับเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มเหยื่อหน้าตู้เอทีเอ็ม ในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 และ ภาค 4 มีผู้เสียหายกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท

ภาพจากกล้อวงจรปิดหน้าตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ สาขากันทรารมย์ จ.ศรีษะเกษ บันทึกพฤติกรรมคนร้าย เป็นหญิงสาวหลอกสับเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มกับเหยื่อที่เข้ามากดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 4 สามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้ว

พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 ได้นำตัวคนร้ายพร้อมของกลางในวันก่อเหตุมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ทราบชื่อคือ นางเยาวรัตน์ วรรณศิริ หรือชัยวิเศษ อายุ 32 ปี ชาว ต.สีชมพู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ในข้อหาลักทรัพย์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น โดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยก่อนเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 4 ได้รับร้องเรียนจากประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่ามีแก๊งมิจฉาชีพคอยสับเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็ม และกดเอาเงินเหยื่อ ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงและคนแก่ ที่ใช้ตู้เอทีเอ็มไม่คล่อง

สำหรับพฤติกรรมของคนร้ายรายนี้ จะจะทำทีเข้าไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ ที่มี2ตู้ติดกัน จากนั้นก็จะแอบดูรหัสของผู้เสียหายที่อยู่ติดกันอีกตู้หนึ่ง แล้วก็ทำทีว่าโวยวายว่าบัตรตัวเองกดไม่ได้ แล้วก็จะขอดูบัตรขอคนอื่น เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อและเผลอคนร้ายก็จะสับเปลี่ยนบัตร เอทีเอ็มทันที เมื่อคล้อยหลังไปคนร้ายก็จะเอาบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปกดเอาเงินมาใช้เอง แล้วก็นำบัตรอันที่กดแล้วนี้ไปสับเปลี่ยนกับเหยื่อรายใหม่ไปเรื่อย โดยจะออกตระเวนทำลักษณะนี้ไปทั่วภาคอีสาน ทั้งใน พท.ของตำรวจภูธรภาค3 และภาค 4 ซึ่งขณะนี้มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความไว้แล้วเฉพาะของตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 10 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท

สำหรับประวัติผู้ต้องหา เคยต้องโทษในคดีเดียวกันนี้ และติดคุกในเรือนจำมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อเดือนมกราคม 2558 หลังพ้นโทษมาก็ออกก่อคดีทันที โดยไม่หลาบจำ ซึ่งจากการสอบสวนคนร้ายรายนี้อ้างว่าตั้งท้องได้ 4 เดือนแล้ว หาเงินไว้เป็นค่าทำคลอด เพราะสามีซึ่งเป็นสมาชิก อบต.เงินเดือนไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว

พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4.จึงให้ผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายรายนี้สับเปลี่ยนเอาบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน ให้มาดูตัว เพราะอาจจะมีมากกว่า 10 รายที่แจ้งความไว้แล้ว พร้อมฝากเตือนประชาชนให้ระวังอาจตกเป็นเหยื่อของคนร้ายในลักษณะนี้ได้ จึงขอให้ระวังคนแปลกหน้าขณะกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม